ฟิล์มติดรถยนต์
999 Autoplace ติดฟิล์มรถยนต์และอาคาร ท่าพระ ร้านใหญ่ฝั่งธน

999 Autoplace ติดฟิล์มรถยนต์และอาคาร ท่าพระ ร้านใหญ่ฝั่งธน

 

ฟิล์มติดรถยนต์ เปลี่ยนรถของคุณให้เย็น รับหน้าร้อนนี้ ด้วยฟิล์มกรองแสงเซรามิก คุณภาพดีเยี่ยม กันร้อนสูง ปกป้องขั้นสุด ตอบโจทย์คนใช้รถ เรามีฟิล์มคุณภาพทุกรุ่นทุกยี่ห้อให้เลือก เพราะเราคือศูนย์รวม ฟิล์มติดรถยนต์ ฟิล์มกรองแสง ครบวงจร ยินดีให้คำปรึกษาโดยทีมงานและช่างมืออาชีพ 999 Autoplace จำหน่ายและติดตั้งฟิล์ม กรองแสง ติดรถยนต์ และ ฟิล์ม กรองแสงอาคาร แบรนด์ดังในประเทศไทย 3 แบรนด์ติดฟิล์มที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย

 

ฟิล์ม ติดรถยนต์ 3M

3M มีนวัตกรรมฟิล์มกรองแสงระดับโลกนานกว่า 55 ปี ฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ Crystalline ด้วย Nano Technology 200 ชั้นป้องกันความร้อนสูง สัญญาณโทรศัพท์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ผ่าน

 

ฟิล์ม ติดรถยนต์ Lamina

ฟิล์ม ติดรถยนต์ ลามิน่า  Ceramatrix Boot กันร้อนสูงกว่าฟิล์มเซรามิคทั่วไปในปัจจุบัน พร้อมประสิทธิภาพ DigitalBoost® ขีดสุดแห่งนวัตกรรมฟิล์มกรองแสงอนาคต เพื่อตอบสนองยานยนต์อัจฉริยะยุคใหม่

 

ฟิล์ม ติดรถยนต์ HI-Kool

ฟิล์ม ติดรถยนต์ HI-Kool ceramic ผลิตจากนวัตกรรมพิเศษ Nano ที่สามารถป้องกันรังสี UV ได้สูง ซึ่งทำให้นอกจากจะขับขี่สบายตาในเวลากลางวันและเป็นฟิล์มมืดนอกสว่างในที่เพิ่มความเป็นส่วนตัวในเวลากลางคืน

เปลี่ยนฟิล์มรถยนต์ ใช้เวลาเท่าไหร่?

โดยปกติแล้ว การติดฟิล์มรถยนต์สำหรับรถใหม่ป้ายแดงที่ไม่เคยติดตั้งฟิล์มกรองแสงมาก่อน จะใช้เวลาในการติดตั้งประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง แต่หากรถของท่านมีฟิล์มเก่าติดมาบนกระจกอยู่แล้ว การติดตั้งฟิล์มอาจใช้ระยะเวลาตั้งแต่ 2.5 – 3 ชั่วโมง เนื่องจากการเปลี่ยนฟิล์มจะมีขั้นตอนเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการ “ลอกฟิล์ม หมักกาว และเคลียร์กาว” ออกจากกระจกให้หมดจดซึ่งเป็นขั้นตอนที่ช่างต้องใช้เวลาพอสมควร

การติดฟิล์มเซรามิค จะช่วยปกป้องคุณจากรังสีและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับคุณ มั่นใจได้ทั้งเรื่องคุณภาพและราคา ฟิล์มรถยนต์คุณภาพ มีหลากหลายยี่ห้อให้คุณได้เลือกสรร ติดตั้งในห้องกระจกปลอดฝุ่น ติดแอร์ ได้งานเนี้ยบ สะอาด มีคุณภาพ เคลียร์กว่า เข้มกว่า ตอบโจทย์ฟิล์มกรองแสงยุคใหม่ ให้ความเป็นส่วนตัว ด้วยเนื้อฟิล์มเซรามิคเข้มนอก สว่างใน สีสวยสะดุดตา ให้ความเป็นส่วนตัว ชัดทุกทัศนวิสัย

เรื่องฟิล์มไว้ใจ 999 Autoplace

 

1. ช่างฝีมือประสบการณ์สูง

ช่างติดฟิล์มรถยนต์มีประสบการณ์สูง และมีสูตรแนะนำการติดฟิล์มรถยนต์ สามารถพูดคุยปรึกษากับช่างได้โดยตรง

 

2. ก่อนติดฟิล์มมีการทดสอบก่อน

ลูกค้าสามารถเลือกฟิล์มแต่ละยี่ห้อมาทดสอบค่ากันความร้อนก่อนติดตั้งจริง หรือนำฟิล์มเก่าเข้ามาทดสอบได้ฟรี

 

3. มีการปูผ้าทั้งภายในและภายนอกรถ

มีการปูผ้าทั้งภายใน และภายนอกรถเพื่อป้องกันลอย และคราบน้ำโดนตัวรถยนต์

 

4. ขั้นตอนการตัดฟิล์มรถยนต์ ตัดภายนอกตัวรถ

ขั้นตอนการตัดฟิล์มรถยนต์เราจะทำการตัดฟิล์มภายนอกตัวรถ เพื่อป้องกันใบมีดกรีดโดนตัวรถยนต์ได้

 

เรื่องฟิล์มไว้ใจ 999 Autoplace แล้วคุณจะได้ฟิล์มที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ พร้อมบริการติดฟิล์มกรองแสงคุณภาพเยี่ยม จากทีมช่างมากประสบการณ์ เรามีบริการปรึกษางานด้าน ฟิล์มกรองแสงอาคาร และฟิล์มรถยนต์ พร้อมประเมินราคา 

สำหรับใครที่กำลังมองหาร้านติดฟิล์มรถยนต์ เรามีให้บริการรับติดฟิล์มรถยนต์ ไม่เป็นเส้น ไม่เป็นลายน้ำ มั่นใจได้ด้วยรีวิวผลงานการติดฟิล์มรถยนต์จากลูกค้ามากมาย เรามีฟิล์มคุณภาพทุกรุ่นทุกยี่ห้อให้เลือก เพราะเราคือศูนย์รวมฟิล์มกรองแสงครบวงจร ขอบคุณลูกค้าที่ไว้ใจให้เราดูแลรถของท่าน

 

11 ถ. รัชดาภิเษก แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร 10600

โทร 024720101

 

 

 

กลับสู่หน้าหลัก   jum-jim.com

รับทำวีซ่าชาวจีน

รับทำวีซ่าชาวจีน

วีซ่าจีน – หากใครมีเพื่อเป็นชาวจีนที่อยากอยู่ต่อในประเทศไทย และกำลังมองหาที่รับทำวีซ่าชาวจีนกันบ้าง! อย่างที่รู้กันว่าการท่องเที่ยวในประเทศไทยกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยวทั่วโลก รวมถึงชาวจีน และ หลาย ๆ ท่านอาจจะอยากทราบถึงขั้นตอน และเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ในกระบวนการขอวีซ่าเพื่ออยู่ต่อหลังจากท่องเที่ยว จากที่ปกติจะอาศัยอยู่ในประเทศไทยได้ 30 วัน บทความนี้จะช่วยให้คำแนะนำ และติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติมได้ เพื่อเป็นแนวทางในการขอวีซ่าสำหรับชาวจีน (点击从中文翻译成泰语)

รับทำวีซ่าชาวจีนเพื่ออยู่ต่อในกรณีต่าง ๆ

ชาวจีนอยู่ต่อในไทย

1.การขอวีซ่าอยู่ต่อเพื่อท่องเที่ยว

ในกรณีอยู่ต่อเพื่อท่องเที่ยวไปยังจังหวัดอื่น ๆ หรือ มีกรณีจำเป็น ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เช่นไม่สบาย

เอกสารประกอบที่ต้องใช้
1.แบบคำขอ ตม.7

2.สำเนาหนังสือเดินทาง วีซ่า และตราประทับอนุญาตครั้งสุดท้าย

3.รูปถ่าย ขนาด 4 x 6 ซม. (ที่ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน)

4.ค่าธรรมเนียม 1,900 บาท

เอกสารเฉพาะกรณี

กรณีเจ็บป่วย

1.แบบฟอร์ม ตม.7 (คนต่างด้าวต้องมายื่นคำร้องด้วยตนเอง)
2.สำเนาหนังสือเดินทาง, วีซ่า, ตราประทับอนุญาตครั้งสุดท้าย
3.หนังสือรับรองจากโรงพยาบาล โดยให้ปรากฏคำวินิจฉัยของแพทย์ดังนี้

  • เจ็บป่วยเป็นโรค หรืออะไร
  • เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางไกลหรือไม่ อย่างไร
  • ต้องรักษาตัว หรือไม่สามารถเดินทางไกล นานเท่าใดแต่เมื่อใด เป็นต้นไป

 


 

การขออยู่ต่อเพื่อทำธุรกิจ

2.การขอวีซ่าอยู่ต่อด้วยเหตุจำเป็นทางธุรกิจ

เช่น ต้องอยู่เพื่อดำเนินธุรกิจ พูดคุยกับหุ้นส่วน ติดต่อประสานงานต่าง ๆ

เอกสารประกอบที่ต้องใช้

1. แบบคำขอ ตม.7 รูปถ่าย ขนาด 4 x 6 ซม จำนวน 1 รูป และ ค่าธรรมเนียม 1,900.- บาท

2. สำเนาหนังสือเดินทางของผู้ยื่นคำขอ (หน้าที่มีรูปถ่าย, วีซ่า, ตราเดินทางเข้าครั้งสุดท้าย, บัตรขาออก (ตม.6)
(ตรา RE-Entry Permit ตราประทับการอนุญาตให้อยู่ต่อครั้งสุดท้าย )

3. หนังสือรับรองคนต่างด้าวเข้าทำงานตามแบบของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (แบบ สตม.1)

4. สำเนาใบอนุญาตทำงาน (ทุกหน้าที่มีข้อมูลปรากฎ)

5. สำเนาหลักฐานการจดทะเบียนขององค์กรนั้น เช่น หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท หรือการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน ฉบับนายทะเบียนรับรองไม่เกิน 6 เดือน

6. สำเนาบัญชี รายชื่อผู้ถือหุ้นทั้งหมด ฉบับนายทะเบียนรับรองไม่เกิน 6 เดือน

7. สำเนางบดุล และงบกำไรขาดทุน ปีล่าสุด พร้อมแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล(ภ.ง.ด.50)และใบเสร็จรับเงิน และสำเนา สบช.3 (ต้องผ่านการรับรองความถูกต้องจากสรรพากร หรือกระทรวงพาณิชย์ หรือจากผู้ตรวจสอบบัญชี หรือใช้เอกสารตัวจริงเท่านั้น)

8. สำเนาแบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (ภ.ง.ด.1) ที่มีชื่อพนักงานไทยและชื่อคนต่างด้าวผู้ยื่นคำขอ 3 เดือนล่าสุดพร้อมใบเสร็จรับเงิน

9. สำเนาแบบยื่นรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.91) ของคนต่างด้าวผู้ยื่นคำขอ ปีล่าสุด พร้อมใบเสร็จรับเงิน (ถ้ามี)

10. สำเนาแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบตามที่ได้ยื่นไว้ต่อสำนักงานประกันสังคม ( สปส.1-10) 3 เดือนล่าสุด พร้อมใบเสร็จรับเงิน

11. สำเนาแบบแสดงรายการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30 หรือ ภ.พ.36) ของปีงบการเงินล่าสุด 3 เดือนล่าสุด พร้อมใบเสร็จรับเงิน

12. เอกสารหรือหลักฐานแสดงว่า ธุรกิจมีความจำเป็นจะต้องว่าจ้างคนต่างด้าวทำงาน เช่น ประกาศรับสมัครคนไทยเข้าทำงาน แล้วไม่มีผู้สมัคร เป็นต้น

13. แผนที่แสดงสถานที่ทำงานของผู้ยื่นคำขอ (ประทับตราบริษัทและกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม )

14. เอกสารหรือหลักฐานอื่น ตามที่คณะกรรมการติดตามการปฎิบัติราชการของพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของ สตม. กำหนด (แบบ สตม.2)

15. รูปถ่ายสถานประกอบการ (ประทับตราบริษัทและกรรมการผู้มีอำนาจลงนามทุกแผ่น)

  • ภายนอก ให้ปรากฏรูปถ่ายสภาพตัวอาคาร, เลขที่ตั้ง และป้ายชื่อสถานประกอบการ
  • ภายใน ให้ปรากฏภาพพนักงานคนไทยและคนต่างด้าวขณะปฏิบัติงานอยู่

16. ให้นำหลักฐานเอกสารตัวจริงตามข้อ 5, 6, 7, 8, 9 และ 10 มาแสดงด้วย

17. กรณีมีครอบครัวติดตามมาอยู่ด้วย ให้แสดงหลักฐานครอบครัว ได้แก่ ทะเบียนสมรส ใบเกิดบุตร หากออกโดยรัฐบาลในต่างประเทศ ให้ผ่านการรับรองจากสถานทูตของประเทศนั้นๆ

 


ขอวีซ่าอยู่ต่อเพื่อลงทุน

3. การขอ วีซ่าจีน อยู่ต่อเพื่อลงทุน

เอกสารประกอบที่ต้องใช้
การลงทุนไม่น้อยกว่า 3 ล้านบาท
1.แบบคำขอ ตม.7
2.สำเนาหนังสือเดินทางของผู้ยื่นคำขอ
3.สำเนาหลักฐานการโอนเงินจากต่างประเทศเข้าสู่ ประเทศไทยจากธนาคาร
4.สำเนาสัญญาซื้อขายห้องชุด และสำเนา การจดทะเบียนแสดงการเป็นเจ้าของห้องชุดจากส่วน ราชการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เฉพาะกรณีซื้อห้อง ชุด) หรือ
5.หนังสือรับรองการมีเงินฝากจากธนาคารและสำเนา หลักฐานการฝากเงิน (เฉพาะกรณีลงทุนโดยการฝากเงิน)> หรือ
6.สำเนาพันธบัตร (เฉพาะกรณีลงทุนซื้อพันธบัตร ของทางราชการหรือรัฐวิสาหกิจ)

การลงทุนไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท
1.แบบคำขอ ตม.7
2.สำเนาหนังสือเดินทางของผู้ยื่นคำขอ
3.สำเนาหลักฐานการโอนเงินจากต่างประเทศ เข้าสู่ประเทศไทยจากธนาคาร
4.สำเนาสัญญาซื้อขายห้องชุด และสำเนา การจดทะเบียนแสดงการเป็นเจ้าของห้องชุด จากส่วนราชการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เฉพาะกรณีซื้อห้องชุด) หรือสำเนาสัญญาเช่า ระยะยาว หรือ
5.หนังสือรับรองการมีเงินฝากจากธนาคารและ สำเนาหลักฐานการฝากเงิน(เฉพาะกรณีลงทุน โดยการฝากเงิน) หรือ
6.สำเนาพันธบัตร (เฉพาะกรณีลงทุนซื้อ พันธบัตรของทางราชการหรือรัฐวิสาหกิจ)

 

สำหรับใครที่สนใจต่อวีซ่า แต่ต้องการคำปรึกษา เรื่องเตรียมเอกสาร ติดต่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติมกับทาง Mesub Travel ได้เลย

รับทำวีซ่าออสเตรเลีย
รับทำวีซ่าออสเตรเลีย

บริการวีซ่าออสเตรเลีย

สะดวก รวดเร็ว คุ้มค่า

  • ไม่ต้องเตรียมเอกสาร
  • ประหยัดเวลา
  • มั่นใจ โอกาสผ่านสูง

ปรึกษาฟรี! แอดไลน์เลย

    ใครที่อยากเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองอย่างเมลเบิร์น ซิดนีย์ การทำวีซ่าประเทศออสเตรเลียนั้น ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด โดยที่ประเทศออสเตรเลียจะเน้นการสมัคร และดำเนินการผ่านทางออนไลน์เป็นหลัก หรือ ใครที่สนใจเรียนทางด้านภาษา เรียนต่อระดับปริญญาต่าง ๆ ประเทศออสเตรเลียก็ตอบโจทย์ เพราะเป็นประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ซึ่งเป็นประเทศที่หลาย ๆ คนสนใจในการเรียนคอร์สด้านภาษา โดยมีตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนถึงขั้นสูง หรือ ระดับอุดมศึกษาทั้งปริญญาตรี ปริญญาโท หรือ ปริญญาเอก โดยออสเตรเลียมีสถานบันการสอนที่ยอดเยี่ยมทัดเทียมประเทศหลัก ๆ อย่าง สหรัฐอเมริกา แคนาดา หรือ อังกฤษ เช่นมหาวิทยาลัย The University of Melbourne  อับดับ 14 ของโลก พวกเราจะพาคุณมารู้จักเกี่ยวกับการทำวีซ่าออสเตรเลีย และการเตรียมตัวยื่นวีซ่าออสเตรเลียประเภทต่าง ๆ ได้ถูกต้องตามจุดประสงค์ของคุณในการยื่นวีซ่าออสเตรเลีย

     สำหรับการเริ่มต้นในการขอวีซ่า ให้ดูจุดประสงค์ในการเดินทาง เลือกประเภทวีซ่าที่จะดำเนินการขอ โดยลองดู 4 คำถามนี้ในการที่จะเลือกประเภทวีซ่าต่อไป ซึ่งควรพิจารณาเงื่อนไขเหล่านี้ก่อนที่จะยื่นเพื่อขอวีซ่า และวีซ่าต้องได้รับการอนุมัติ (Approved) ตั้งแต่ก่อนเดินทางเท่านั้น

  • คุณเดินทางมาจากประเทศไหน
  • ทำไมคุณถึงอยากที่จะมาประเทศออสเตรเลีย
  • คุณจะมาอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียนานเท่าไหร่
  • สถานการณ์ หรือ ทักษะส่วนตัวของคุณ

 

เมื่อรู้จุดประสงค์แล้วคุณก็จะสามารถรู้ได้ว่า คุณควรที่จะขอวีซ่าแบบไหน ประเภทอะไร เพราะ วีซ่าแต่ละประเภทนั้นจะขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของคุณที่ต้องการจะมาประเทศออสเตรเลีย รวมไปถึงสิทธิประโยชน์ และขั้นตอนการเตรียมเอกสารที่แตกต่างกันออกไป เช่น ต้องการมาเรียนภาษาระยะสั้น 1 เดือน มาท่องเที่ยวระยะสั้น ในประเทศออสเตรเลีย หรือติดต่อธุรกิจ เยี่ยมญาติ หรือ เพื่อน ซึ่งอาศัยอยู่ไม่เกิน 3 เดือน ให้ขอวีซ่าท่องเที่ยวออส (Visitor Subclass 600) หรือ ต้องการมาเรียนคอร์สภาษาระยะยาวโดยเป็นคอร์ส 6 เดือนขึ้นไป หรือ เรียน ปริญญาตรี โท ที่ออสเตรเลีย ก็จะสามารถขอ วีซ่านักเรียน (Student Visa Subclass 500) เป็นต้น

 

ประเภทของวีซ่า

หากแบ่งตามประเภทวีซ่าถือได้ว่ามีความหลากหลายมาก โดยขึ้นอยู่กับทั้งระยะเวลาที่จะไปอยู่ในประเทศออสเตรเลีบ จุดประสงค์ต่าง ๆ
โดยจะมี 4 ประเภทหลักที่ได้รับความนิยม ได้แก่

  • วีซ่าท่องเที่ยว (Visitor Visa – Subclass 600)
  • วีซ่านักเรียน (Student visa – Subclass 500)
  • วีซ่าเพื่อท่องเที่ยวและทำงาน (Working Holiday Visa – Subclass 462)
  • วีซ่าทำงานทักษะ (Temporary Skill Shortage Visa – Subclass 482)

ปรึกษาฟรี! แอดไลน์เลย

เอกสารที่ต้องเตรียม

  • หนังสือเดินทาง
  • เอกสารการเรียน
    (ในกรณีที่ยังเป็นนักเรียน/นักศึกษา)
  • หนังสือรับรองการเป็นนักเรียนหรือนักศึกษา 
  • ผลการเรียน
  • เอกสารส่วนตัวอื่นๆ
  • บัตรประชาชน 
  • ทะเบียนบ้าน 
  • ใบเปลี่ยนชื่อ ใบเปลี่ยนนามสกุล 
  • ทะเบียนสมรส ใบหย่า
  • เอกสารการทำงาน (ในกรณีที่ทำงานแล้ว)
  • หนังสือรับรองการทำงาน (ออกไม่เกิน 1 เดือน) 
  • สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน (ถ้ามี) 
  • ในกรณีที่เป็นเจ้าของธุรกิจให้แสดงหนังสือรับรองบริษัทที่คัด
    มาจาก DBD ไม่เกิน 3 เดือน หรือทะเบียนการค้า
  • ใบเกิดและหนังสือยืนยอมให้ผู้เยาว์เดินทาง (ในกรณีที่ผู้สมัครยังเป็นผู้เยาว์)
  • อายุเอกสารไม่เกิน 1 เดือนนับจากวันที่ออกเอกสาร 
  • ระบุตำแหน่ง เงินเดือน วันเริ่มงาน ระยะเวลาในการทำงาน วันที่ออกใบรับรองงาน
  • เอกสารการเงิน
  • Bank Statement ย้อนหลัง 3 เดือน
  • Bank Certificate ฉบับจริง อายุเอกสารไม่เกิน 10 วันก่อนยื่นเอกสาร นับจากวันนัดยื่นเอกสารย้อนหลัง

 

รายละเอียด และค่าใช้จ่ายวีซ่าประเภทต่าง ๆ

1. วีซ่าท่องเที่ยว (Visitor visa – Subclass 600)

   วีซ่านี้เหมาะกับคนที่ต้องการมาพำนักออสเตรเลียระยะสั้น เพื่อท่องเที่ยว เรียนคอร์สระยะสั้น เยี่ยมญาติ หรือ หารือทางธุรกิจ ซึ่ง วีซ่าประเภทนี้คุณสามารถที่จะอยู่ในประเทศออสเตรเลียได้นานตั้งแต่ 3 เดือน 6 เดือน และ 12 เดือน ซึ่งขึ้นอยู่กับการพิจารณาจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งถ้าประสงค์จะอยู่นานกว่านี้ จะต้องสมัครวีซ่าประเภทอื่น

โดยวีซ่าท่องเที่ยว (Visitor Visa – Subclass 600) มีสิ่งที่ทำได้ ดังนี้

 

  • ท่องเที่ยว
  • เรียนคอร์สระยะสั้นไม่เกิน 3 เดือน
  • เยี่ยมครอบครัว เพื่อน หรือคนรู้จัก
  • ประชุมธุรกิจ
  • อบรมระยะสั้น

 

สิ่งที่ทำไม่ได้

  • ทำงาน
  • เรียนคอร์สเกินระยะเวลา 3 เดือน
  • พำนักอยู่เกินระยะเวลาที่วีซ่ากำหนด

2. วีซ่านักเรียนออสเตรเลีย (Student visa – Subclass 500)

   วีซ่าประเภทนี้เหมาะกับคนที่จะมาเรียนที่ประเทศออสเตรเลียไม่ว่าจะเป็นคอร์สเรียนภาษา 3 เดือนขึ้นไป ระดับมัธยมฯ หรือ เรียนคอร์สสายอาชีพ หรือ ระดับปริญญาขึ้นไป เพราะจะมีสิทธิ์ที่จะสามารถอยู่ได้ตามระยะคอร์สที่ลงสมัคร อีกทั้งยังสามารถขยายเวลาอยู่ต่อได้เมื่อจบคอร์สซึ่งจะ ขึ้นอยู่กับสาขาระดับวิชาที่ได้เข้าเรียนอีกด้วย

โดยวีซ่านักเรียนออสเตรเลีย (Student Visa – Subclass 500) มีสิ่งที่ทำได้ ดังนี้

 

 

  • สามารถลงคอร์สได้นานสูงสุด 5 ปี
  • สามารถเรียนตามคอร์สที่ได้ลงสมัครเอาไว้
  • สามารถทำงานได้ 48 ชั่วโมง ต่อสองสัปดาห์
  • สามารถเดินทางเข้าออกประเทศออสเตรเลียมื่อไหร่ก็ได้ตามต้องการ
  • สามารถพาแฟน ครอบครัว มาอยู่ในออสเตรเลีย และ สามารถทำงานได้ตามข้อกำหนดวีซ่า Guardian student visa Subclass 590
  • สามารถอยู่ต่อเพื่อเปลี่ยนวีซ่า และทำงานให้ตรงตามที่เรียนได้ด้วย สำหรับระดับวิชาชีพ และ ปริญญา (Temporary Graduate Visa Subclass 485)

สิ่งที่ทำไม่ได้

 

  • ทำงานเกิน 48 ชั่วโมงต่อสองสัปดาห์
  • พำนักอยู่เกินระยะเวลาที่วีซ่ากำหนด (ในกรณีทำงานหลังเรียนจบต้องเปลี่ยนวีซ่า)

3. วีซ่าเพื่อท่องเที่ยวและทำงาน (Working Holiday Visa – Subclass 462)

    สำหรับวีซ่า Working Holiday นั้นเป็นวีซ่าที่เหมาะมากสำหรับอยากหาโอกาสมาทำงานที่ต่างประเทศ หาประสบการณ์ พร้อมท่องเที่ยว และทำงานไปด้วย  เพราะวีซ่า Working Holiday สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ไม่จำกัดชั่วโมง และยังสามารถต่ออายุวีซ่า ได้สูงสุดถึง 3 ปีอีกด้วย ซึ่งคนไทยสามารถสมัครวีซ่า ประเภทนี้ ได้ปีละถึง 2,000 คนซึ่งก่อนจะสมัครวีซ่าประเภทนี้ ต้องมีผลสอบภาษาอังกฤษ และเอกสารจากกรมเด็ก และเยาวชนอีกด้วย

โดยวีซ่าเพื่อท่องเที่ยวและทำงาน (Working Holiday Visa – Subclass 462) มีสิ่งที่ทำได้ ดังนี้

 

  • สามารถทำงานได้ไม่จำกัดชั่วโมง
  • สามารถเข้าออกเมื่อไหร่ก็ได้
  • สามารถพำนักอยู่ในประเทศออสเตรเลียได้ 1 ปี และ ต่ออายุวีซ่าได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 1 ปี
  • สามารถลงเรียนได้สูงสุดถึง 4 เดือน

สิ่งที่ทำไม่ได้

 

 

  • ไม่สามารถทำงานได้เกิน 6 เดือน ต่อ 1 นายจ้าง
  • ไม่สามารถอยู่เกินกำหนดวีซ่าได้

4. วีซ่าทำงานทักษะ (Temporary Skill Shortage Visa – Subclass 482)

วีซ่าทำงานสำหรับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เป็นวีซ่าที่เหมาะสำหรับบุคคลที่เรียนจบด้านสายงานใดๆ และได้ทำงานในสายงานที่ตนนั้นได้เรียน และมีประสบการณ์ในการทำงานมากกว่า 2 ปี และต้องการมาทำงานที่ประเทศออสเตรเลีย โดยมีนายจ้างที่ได้รับการอนุมัติ และสนับสนุนในเรื่องการเขียนเอกสารอนุญาตให้มาทำงานดังกล่าวได้ ซึ่งมีหลากหลายอาชีพด้วยกัน เช่น พยาบาล พ่อครัว ช่างไม้ นักบัญชี เป็นต้น

โดยวีซ่าเพื่อท่องเที่ยวและทำงาน (Working Holiday Visa – Subclass 462) มีสิ่งที่ทำได้ ดังนี้

 

  • สามารถทำงานกับนายจ้างได้
  • มีระยะการอาศัยอยู่ทั้ง ระยะสั้น และระยะกลาง 
  • สำหรับระยะกลางนั้นสามารถขอการพำนักถาวรได้ (Permanent Resident)
  • สามารถเข้าออกประเทศออสเตรเลียเมื่อไหร่ก็ได้

เงื่อนไขของการได้มาซึ่งวีซ่านี้

 

  • นางจ้างเป็นคนยื่นขอวีซ่านี้ให้
  • จะต้องกรอกแบบสอบถามประเมินทักษะ ขึ้นอยู่กับ สัญชาติและอาชีพของผู้สมัครวีซ่า
  • นางจ้างของคุณต้องเป็น Sponsor ที่ได้รับการอมุมัติแล้ว (Approved Work Sponsor)
  • ต้องมีความตั้งใจจริงที่จะประกอบอาชีพ ที่ได้รับการเสนอชื่อ
  • ต้องมีทักษะ คุณสมบัติเพียงพอกับอาชีพที่ได้เสนอชื่อ
  • ต้องมีประกันสุขภาพ
  • ต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ของผลประโยชน์ด้านสาธารณสุขและการคืนสินค้าชนิดพิเศษ
  • ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสุขภาพ
  • ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์การเสนอชื่อ วีซ่านี้ เช่น มีอาชีพที่เกียวข้อง
  • จะต้องผ่านเกณฑ์ด้านภาษา
ประเภทวีซ่า ค่าธรรมเนียม (AUD) ระยะเวลาพำนักสูงสุด
วีซ่าท่องเที่ยว (Visitor Visa – Subclass 600) 190 3 / 6 / 12 เดือน
วีซ่านักเรียนออสเตรเลีย (Student Visa – Subclass 500) 710 5 ปี
วีซ่าเพื่อท่องเที่ยวและทำงาน (Working Holiday Visa – Subclass 462) 510 1 / 2* / 4* ปี
วีซ่าทำงานทักษะ (Temporary Skill Shortage Visa – Subclass 482) 400 6 เดือน/ครั้ง
วีซ่าท่องเที่ยวระยะยาว 5 ปี (5 year long-term Standard Visitor visa) 771 6 เดือน/ครั้ง
วีซ่าท่องเที่ยวระยะยาว 10 ปี (10 year long-term Standard Visitor visa) N/A N/A

รับทำวีซ่าออสเตรเลีย ซึ่งหลัก ๆ แล้ววีซ่าประเภทนี้คุณจะต้องหานายจ้างให้ได้ก่อน จึงจะสามารถมีสิทธ์ยื่นได้ และคุณจะต้องผ่านเกรณ์ต่าง ๆ อีกด้วย ซึ่งวีซ่าผระเภทนี้สามารถยื่นได้ทั้งในประเทศออสเตรเลีย และนอกประเทศออกเตรเลีย เหมาะกับคนที่เริ่มมีเส้นทางในการเข้ามาอยู่ และสามารถหาเส้นทางสำหรับการอยู่ที่ออสเตรเลีย และนี้เป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับ วีซ่าต่าง ๆ การเตรียมเอกสารอาจมีความซับซ้อน และ Process ต่าง ๆ  หากคุณกำลังมองหาคนช่วยตรวจเอกสาร  เตรียมการต่าง ๆ สามารถปรึกษาเราได้

 

 

กลับสู่หน้าหลัก

รับทำวีซ่าอเมริกา
รับทำวีซ่าอเมริกา

รับทำวีซ่าอเมริกา

รับทำวีซ่าอเมริกา พูดถึงเรื่องการขอวีซ่าอเมริกา (US) หลาย ๆ คนอาจจะมีความกังวลในเรื่องของประเภทวีซ่าที่ต้องดำเนินการขอ เอกสารที่ต้องเตรียม การลุ้นว่าวีซ่านี้จะผ่านไหม นั้นเพราะว่าประเทศสหรัฐอเมริกา ถือได้ว่าเป็นประเทศ ที่มีประเภทวีซ่าย่อยค่อนข้างข้างหลากหลาย และจุดประสงค์การเดินทางไปอเมริกาของแต่ละคน มีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยวอย่างอุทยาน สถานที่ที่ถ้าพูดถึงอเมริกาทุกคนจะนึกถึง เช่น Grand Canyon, Disney World, เทพีเสรีภาพ, สะพาน Golden Gate หรือ โปรแกรมยอดฮิตช่วง Summer  อย่าง Work & Travel และมหาวิทยาลัยระดับโลกอย่าง MIT, Harvard และ มหาวิทยาลัยระดับ IVY League อื่น ๆ อีกมากมากมาย รวมไปถึงบริษัทชั้นนำระดับโลกอย่างที่เราคุ้นเคยกัน ทั้ง Apple, Goolgle, Amazon และ Facebook อีกทั้งยังมีหลากหลายสายงานในสหรัฐฯ จริง ๆ แล้วการดำเนินการขอวีซ่าไม่ได้ยากอย่างที่คิด อาจลองเริ่มต้นจากการดูจุดประสงค์ก่อนว่า อยากไปประเทศนี้เพื่อทำอะไร ขอวีซ่า และเตรียมเอกสารให้ครบตามที่เป็นเงื่อนไข ซึ่งทาง Mesub มีบริการให้คำปรึกษา

  • คุณเดินทางมาจากประเทศไหน
  • ทำไมคุณถึงอยากที่จะมาอเมริกา
  • คุณจะมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกานานเท่าไหร่
  • สถานการณ์ หรือ ทักษะส่วนตัวของคุณ

       ถ้าอยากเดินทางเพื่อที่จะมาท่องเที่ยว หรือ business trip/seminar ระยะสั้นให้ยื่นสมัครวีซ่าท่องเที่ยว (B-2) แต่หากใครมีการประชุมธุรกิจ หรือ เดินทางมาในลักษณะของ Business trip ให้ยื่นสมัครวีซ่าธุรกิจ (B-1) หรือ ใครเป็นสายการลงทุนอยากเปิดธุรกิจที่ประเทศนี้ ให้ยื่นสมัครวีซ่านักลงทุน (E-2) และสำหรับโปรแกรม Work & Travel หรือ โครงการแลกเปลี่ยนจะต้องยื่นสมัครวีซ่าแลกเปลี่ยน (J-1) ส่วนวีซ่านักเรียนที่จะมาเรียนที่อเมริกาในระยะยาว หรือ เรียนในระดับมหาวิทยาลัยจำเป็นที่ต้องยื่นสมัครวีซ่านักเรียน (F1 / M1) 

 

ขั้นตอนการทำ

วีซ่ากับเรา

ปรึกษาฟรี! แอดไลน์เลย

  • เตรียมเอกสาร
  • นัดสัมภาษณ์
  • ส่งหนังสือเดินทางมายังเรา
  • รอรับผลวีซ่า

ประเภทของวีซ่า | รับทำวีซ่าอเมริกา

      หากแบ่งตามประเภทวีซ่าถือได้ว่ามีความหลากหลายมาก โดยขึ้นอยู่กับทั้งระยะเวลาที่จะไปอยู่ในอเมริกา จุดประสงค์ต่าง ๆ โดยจะมี 3 ประเภทหลักที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษ ได้แก่

  • วีซ่าท่องเที่ยว (B-2)
  • วีซ่าธุรกิจ (B-1)
  • วีซ่านักเรียน (F-1/M-1)
  • วีซ่าแลกเปลี่ยน (J-1)
  • วีซ่านักลงทุน (E-2)

ปรึกษาฟรี! แอดไลน์เลย

เอกสารที่ต้องเตรียม

  • หนังสือเดินทาง

มีอายุเหลืออย่างน้อยที่สุด 6 เดือน

  • แบบฟอร์ม DS-160
  • ใบนัดสัมภาษณ์
  • ใบเสร็จค่าธรรมเนียม
  • หนังสือเดินทาง
  • ขนาด 2×2 นิ้ว หน้าตรง พื้นหลังสีขาว
    ห้ามใส่แว่นตาและควรเปิดหน้า
  • แบบฟอร์ม DS-160
  • บัตรประชาชน 
  • ทะเบียนบ้าน 
  • ใบเปลี่ยนชื่อ ใบเปลี่ยนนามสกุล 
  • ทะเบียนสมรส ใบหย่า
  • ใบเกิดและหนังสือยืนยอมให้ผู้เยาว์เดินทาง
    (ในกรณีที่ผู้สมัครยังเป็นผู้เยาว์)
  • เอกสารการเรียน
    (ในกรณีที่ยังเป็นนักเรียน/นักศึกษา)
  • หนังสือรับรองการเป็นนักเรียนหรือนักศึกษา
    ผลการเรียน
  • เอกสารการทำงาน (ในกรณีที่ทำงานแล้ว)
  • หนังสือรับรองการทำงาน (ออกไม่เกิน 1 เดือน) 
  • สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน (ถ้ามี) 
  • ในกรณีที่เป็นเจ้าของธุรกิจให้แสดงหนังสือรับรองบริษัทที่คัดมาจาก DBD ไม่เกิน 3 เดือน หรือทะเบียนการค้า
  • แผนการเดินทาง

ปรึกษาฟรี! แอดไลน์เลย

รายละเอียด และค่าใช้จ่ายวีซ่าประเภทต่าง ๆ

  วีซ่าอเมริกา แต่ละประเภทนั้นจะใช้เอกสารหลักที่คล้ายกัน เช่น หนังสือเดินทาง สมุดเดินบัญชี (Bank Statement) ทะเบียนบ้าน จุดประสงค์ของการเดินทางเป็นต้น แต่เนื่องจากวีซ่ามีหลายประเภท และจุดประสงค์แตกต่างกันไป จึงมีการใช้เอกสารย่อย หรือ เอกสารเฉพาะที่แตกต่างกัน ในส่วนนี้จะเป็นการอธิบายรายละเอียดของวีซ่าแต่ละประเภท และเอกสารเบื้องต้น

1. วีซ่าธุรกิจ (B1) และ วีซ่าท่องเที่ยว (B-2)

วีซ่า B-1 และ B-2 สหรัฐอเมริกา (US) เป็นวีซ่าที่มีสิทธิ์ที่ใกล้เคียงกัน แต่จะมีเงื่อนไขแตกต่างกันในบางส่วน นั้นก็คือ วีซ่าธุรกิจ (B1) เป็นวีซ่าที่จุดประสงค์คือทางด้านธุรกิจ เช่น เดินทางไปประชุมงาน / Business Trip / Seminar / Exhibition ในขณะที่วีซ่าท่องเที่ยว (B-2) จะตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางที่มาท่องเที่ยวที่อเมริกา อีกทั้งยังครอบคลุมในเรื่องของการรักษาทางการแพทย์ (Medical treatment) อีกด้วย

โดยสิ่งที่ผู้ได้รับอนุมัติวีซ่าท่องเที่ยว (B-1) วีซ่าท่องเที่ยว (B-2) สามารถทำได้

 

  • ท่องเที่ยว
  • แวะหาญาติ หรือ พบปะเพื่อน
  • ท่องเที่ยวเพื่อการศึกษา
  • การรักษาทางการแพทย์
  • ทำธุรกิจระยะสั้น* (เฉพาะวีซ่า B-2)

2. วีซ่านักเรียน (F-1)

     เป็นวีซ่าสำหรับผู้ที่ต้องการไปศึกษาที่อเมริกาเพื่อการเรียนศึกษาต่อโดยเฉพาะซึ่งผู้ที่ไปเรียนนั้นจะได้สิทธิประโยชน์ที่แตกต่างจากวีซ่าท่องเที่ยว ซึ่งเหมาะกับผู้ที่จะเรียนในการเรียนภาษาระยะยาว รวมไปถึงระดับปริญญาฯ ไม่ว่าจะเป็น ปริญญาตรี ปริญญาโท หรือปริญญาเอกที่อเมริกา

  และวีซ่านักเรียนเป็นวีซ่าที่ถือได้ว่าใช้เอกสารเฉพาะค่อนข้างเยอะ และหลากหลาย ดังนั้นเพื่อความมั่นใจในยื่นสมัครวีซ่านักเรียน (F1) สามารถแอดไลน์มาปรึกษา และขอคำแนะนำกับทาง Mesub Travel ได้เช่นเดียวกัน

โดยสิ่งที่ผู้ได้รับอนุมัติวีซ่านักเรียน (F-1) สามารถทำได้

 

  • มีสิทธิ์เข้าเรียนในสถาบันการศึกษาที่ได้รับการรับรอง (SEVIS-approved)
  • สามารถเข้าเรียนในระดับการศึกษาที่หลากหลาย ทั้งปริญญาตรี ปริญญาโท และ ปริญญาเอก
  • มีสิทธิ์ทำงานในบริบททางวิชาชีพ (Optional Practical Training, OPT) หลังจบการศึกษาเพื่อได้ประสบการณ์การทำงาน
  • มีสิทธิ์สมัครทำงานในสถานที่ศึกษา (on-campus employment) โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตจาก USCIS
  • นักเรียน F-1 ที่จบการศึกษามีสิทธิ์ยื่นคำขอ OPT เพื่อทำงานในสาขาที่เรียนไป
  • นักเรียน F-1 ที่ต้องการทำงานในสถานที่ศึกษาในระหว่างการศึกษาสามารถทำการสมัคร CPT (Curricular Practical Training) ได้
  • มีสิทธิ์ท่องเที่ยวในสหรัฐอเมริกา ก่อนหรือหลังการเรียน (ทั้งนี้ก็ต่อเมืื่อวีซ่าได้รับอนุมัติแล้ว)
  • มีสิทธิ์อยู่ในสหรัฐตลอดระยะเวลาการศึกษา
  • มีสิทธิ์เข้า และออกของสหรัฐในระหว่างระยะเวลาการศึกษา
  • มีสิทธิ์ยื่นคำขอต่อวีซ่าเพื่อดำรงชีวิตในสหรัฐหลังจบการศึกษา (เช่น วีซ่า H-1B หรือ วีซ่าประเภทอื่น ๆ)

3. วีซ่าแลกเปลี่ยน (J-1)

ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวีซ่าได้ที่ได้รับความนิยม เพราะในประเทศไทยมีโครงการแลกเปลี่ยนมากมายทั้งแลกเปลี่ยนในระยะสั้น และระยะยาว ซึ่งอเมริกาก็เป็นประเทศในฝันของหลาย ๆ คนสำหรับการเดินทางไปแลกเปลี่ยน และแน่นอนว่ามีเอกสารที่ต้องเตรียมมากมายทั้งฝั่งนักเรียนเอง และผู้ปกครอง โดยวีซ่าประเภทนี้ก็เหมือนกับวีซ่าประเภทอื่น ๆ ในเรื่องของสิทธิ์ที่บางอย่างทำได้ และไม่สามารถทำได้

โดยสิ่งที่ผู้ได้รับอนุมัติวีซ่าแลกเปลี่ยน (J-1) สามารถทำได้

 

  • สิทธิในด้านการศึกษา: เรียนตามหลักสูตรปกติ เข้าร่วมชมรม เข้าร่วมกิจกรรมโรงเรียน
  • สิทธิในด้านสุขภาพ: เข้าถึงระบบประกันสุขภาพขั้นพื้นฐาน (อาจแตกต่างกันไปตามโครงการแลกเปลี่ยน)
  • สิทธิในด้านการทำงาน: อนุญาตให้ทำงานบางประเภท เช่น งานในมหาวิทยาลัย ร้านค้าในมหาวิทยาลัย
  • สิทธิในด้านการพำนัก: อยู่ในสหรัฐอเมริกาได้ตามระยะเวลาที่วีซ่ากำหนด
  • สิทธิในด้านเสรีภาพ

 

และสิ่งที่ผู้ได้รับอนุมัติวีซ่า (J-1) ไม่สามารถทำได้

 

  • ห้ามทำงานนอกเหนือข้อกำหนด: ทำธุรกิจ รับจ้างอิสระ รับงานนอกมหาวิทยาลัยโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • ห้ามเดินทางออกนอกสหรัฐอเมริกาเกินกำหนดวีซ่า
  • ห้ามเปลี่ยนสถานะวีซ่าโดยไม่ได้รับอนุญาต: หากอยากอยู่ต่อต้องยื่นขอวีซ่าใหม่ชนิดอื่น
  • ห้ามละเมิดกฎหมาย: ขับรถดื่มเหล้า ยาเสพติด ก่ออาชญากรรม
  • ห้ามละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น: การเหยียดผิว ศาสนา ล้วงล้ำความเป็นส่วนตัว

4. วีซ่านักลงทุน (E-2)

วีซ่า E-2, หรือที่เรียกว่า “Investor Visa” เป็นวีซ่าที่ช่วยให้นักลงทุนจากต่างประเทศมีสิทธิ์ในการเข้ามาลงทุน และดำเนินกิจธุรกิจในสหรัฐอเมริกาซึ่งประเทศไทยสามารถสมัครวีซ่านี้ได้ ซึ่งเป็นวีซ่าที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนต่างประเทศที่ต้องการทำธุรกิจในสหรัฐอเมริกา

สำหรับวีซ่านักลงทุน (E-2) จะมีขั้นตอนที่เฉพาะ และใช้เอกสารที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจง อีกทั้งยังต้องใช้เวลาในการเตรียมการเป็นพิเศษ

 

  • ต้องมีธุรกิจที่สามารถปฏิบัติงานในสหรัฐอเมริกา
  • นักลงทุนต้องลงทุนเงินในธุรกิจที่มีมูลค่าสมเหตุสมผล
  • การลงทุนต้องเป็นเงินที่มีตัวเลขมีนัยสำคัญและสามารถสร้างงานที่เป็นประโยชน์
  • นักลงทุนต้องเป็นพลเมืองของประเทศที่มีสัญชาติที่มีข้อตกลง E-2 Treaty กับสหรัฐอเมริกา
  • หากเป็นในกรณีที่จัดตั้งบริษัท
    •  สมัคร EIN (Employer Identification Number) จาก Internal Revenue Service (IRS)
  • มีเอกสารรับรองเพื่อให้้มั่นใจว่าทุนในการลงทุนทางธุรกิจเพียงพอ ซึ่งส่งผลต่อการยื่นสมัคร E-2 Visa
ประเภทวีซ่า ค่าธรรมเนียม (USD) ระยะเวลาพำนักสูงสุด
วีซ่าท่องเที่ยวเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา (B1/B2) 185 10 ปี
วีซ่าแลกเปลี่ยน (J-1) 160 2 ปี
วีซ่านักเรียน (F-1) 510 1 ปี
วีซ่านักลงทุน (E-2) 460 2 ปี

และนี้เป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับ วีซ่า ต่าง ๆ การเตรียมเอกสารอาจมีความซับซ้อน และ Process ต่าง ๆ  หากคุณกำลังมองหาคนช่วยตรวจเอกสาร  เตรียมการต่าง ๆ สามารถปรึกษาเราได้ที่นี้

 

 

 

กลับสู่หน้าหลัก  jum-jim.com

วีซ่า สเปน
รับทำวีซ่าเชงเก้น | วีซ่า สเปน

รับทำวีซ่าเชงเก้น | วีซ่า สเปน

 

วีซ่า สเปน ใครกำลังมีแพลนอยากไปเที่ยวยุโรป หลาย ๆ ประเทศในคราวเดียว วีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) เป็นวีซ่าที่ตอบโจทย์! ไม่ว่าจะเป็นทริปยุโรปโดยเฉพาะ หรือ ใครทีไปอังกฤษด้วยวีซ่าอังกฤษอยู่แล้ว อยากจะบินจาก UK ไปประเทศต่างๆ ในยุโรปด้วย Schengen visa

สำหรับวีซ่าประเภทนี้ หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักในชื่อย่อกันว่าเชงเก้น เป็นวีซ่าประเภทหนึ่งที่อนุญาตให้เดินทางเข้าออกได้อย่างอิสระในกลุ่มประเทศเชงเก้น 27 ประเทศ และส่วนใหญ่เป็นประเทศในกลุ่มประเทศ EU ได้แก่ ประเทศ เนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม สเปน ไอซ์แลนด์ อิตาลี ออสเตรีย กรีซ แลตเวีย ลิกเตนสไตน์ ลิธัวเนีย ลักเซมเบอร์ก มอลตา นอร์เวย์ โปรตุเกส โปแลนด์ ฝรั่งเศส สวีเดน เยอรมัน สโลวัก สโลวีเนีย ฟินแลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ โครเอเชีย เดนมาร์ก เชค ฮังการี เอสโตเนีย

โดยใช้วีซ่าใบเดียว ไม่ต้องขอวีซ่าแยกสำหรับแต่ละประเทศ เหมาะสำหรับผู้ที่วางแผนเที่ยวหลายๆ ประเทศในทริปเดียวกันสำหรับการสมัครวีซ่าเชงเก้น

  • คนไทยที่ถือหนังสือเดินทางเล่มธรรมดา ต้องขอวีซ่าเชงเก้นก่อนเดินทางทุกครั้ง
  • คนไทยที่ถือหนังสือเดินทางราชการ หรือประเภทอื่นๆ ควรตรวจสอบเงื่อนไขกับสถานทูตหรือสถานกงสุลของประเทศปลายทาง

ดังนั้นแล้วใครมีแผนจะไปประเทศใดประเทศหนึ่ง ในลิสต์ด้านบนนี้ หรือ ไปทัวร์ยุโรปอย่างประเทศในฝันของหลาย ๆ คน สถานที่สุดโรแมนติกอย่าง หอไอเฟลที่ประเทศฝรั่งเศส Venice ที่อิตาลี เมืองสวย ๆ อย่างสวิตเซอร์แลนด์ ไปดูแสงเหนือที่นอร์เวย์ สัมผัสเมืองประวัติศาสตร์แห่งกรีซ ชมเมืองอย่างเยอรมัน  หรือ ใครที่จะไปเรียนต่ออย่างประเทศฝรั่งเศสที่มีทั้งสายธุรกิจ และสายเชฟ หรือฟินแลนด์ ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการศึกษา ไปคุยธุรกิจ/Business trip หรือไปทำงาน แนะนำให้ลองดูในเรื่องประเภทของวีซ่าให้ดี โดยทาง Mesub Travel ได้สรุปเรื่องประเภทของวีซ่าเชงเก้นไว้ด้านล่าง

 

ประเภทของวีซ่า

สำหรับวีซ่าเชงเก้นนั้น มีหลายประเภท เช่นเดียวกันกับประเทศอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การเดินทาง โดยหลัก ๆ จะมี 4 ประเภทที่ได้รับความนิยม

  • วีซ่าท่องเที่ยวระยะสั้น (Schengen Short-Term Visa)
  • วีซ่าธุรกิจ (Schengen Business Visa)
  • วีซ่านักเรียนระยะสั้น และ ระยะยาว (Schengen Study Visa)
  • วีซ่าทำงาน (Schengen Work Visa)

ปรึกษาฟรี! แอดไลน์เลย

เอกสารที่ต้องเตรียม

  • หนังสือเดินทาง

มีอายุเหลืออย่างน้อยที่สุด 6 เดือน

  • เอกสารส่วนตัวอื่นๆ
  • บัตรประชาชน 
  • ทะเบียนบ้าน
    ใบเปลี่ยนชื่อ ใบเปลี่ยนนามสกุล 
  • ทะเบียนสมรส ใบหย่า
  • รูปถ่าย
  • รูปถ่ายสี หน้าตรง ขนาด 3.5×4.5 cm. จำนวน 2 ใบ
  • เอกสารรับรองการทำงาน
  • Bank Statement
  • ย้อนหลัง 6 เดือนล่าสุด
  • แผนข้อมูลแผนการเดินทาง (Itinerary)
  • หลักฐานการจองตั๋ว และ โรงแรม (หากมี)
  • ประกันสุขภาพเดินทางและอุบัติเหตุ มูลค่าประกัน อย่างต่ำ 30,000 Euro / 1.5 ล้านบาท

รายละเอียด และค่าใช้จ่ายวีซ่าประเภทต่างๆ

1. วีซ่าท่องเที่ยวระยะสั้น (Schengen Short-Term Visa)

วีซ่า เชงเก้น สำหรับวีซ่าท่องเที่ยวนี้เป็นวีซ่าที่อนุญาตให้ผู้ถือวีซ่าสามารถเดินทางผ่าน หรือ เที่ยวพักผ่อนอยู่ในดินแดนของกลุ่มประเทศเชงเก้นได้ โดยอาศัยอยู่ในเขตประเทศเชงเก้นได้ไม่เกิน 90 วัน ภายในระยะเวลา 180 วันโดยเริ่มนับจากวันที่เดินทางเข้าสู่เขตประเทศต่าง ๆ ที่วีซ่าเชงเก้นรองรับ และ เดินทางผ่านประเทศต่างๆ ในเขตประเทศเชงเก้นได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมวีซ่าเพิ่มเติม แต่วีซ่าประเภทนี้จะไม่สามารถทำงานหรือประกอบอาชีพในเขตประเทศเชงเก้นได้

ในการของวีซ่าท่องเที่ยวเชงเก้น ผู้สมัครจะต้องมี

  • มีหนังสือเดินทางที่มีอายุเหลืออย่างน้อย 3 เดือนนับจากวันที่เดินทางออกจากเขตประเทศเชงเกน
  • มีหลักฐานยืนยันการจองที่พัก
  • มีหลักฐานยืนยันการเดินทางกลับหรือการเดินทางไปยังประเทศอื่น
  • มีหลักฐานทางการเงินเพียงพอสำหรับครอบคลุมค่าใช้จ่ายระหว่างที่อยู่ในเขตประเทศเชงเก้น
  • มีเอกสารแสดงวัตถุประสงค์ในการเดินทาง

2. วีซ่าธุรกิจ (Schengen Business Visa)

             เป็นวีซ่าเชงเกนระยะสั้นประเภทหนึ่งเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ ที่อนุญาตให้ผู้ถือวีซ่าสามารถเดินทางเข้าเขตประเทศเช้งเกนได้ โดยอาศัยอยู่ในเขตประเทศเชงเก้นไม่เกิน 90 วัน ภายในระยะเวลา 180 วันโดยเริ่มนับจากวันที่เดินทางเข้าสู่เขตประเทศเชงเก้น

สิ่งที่วีซ่าธุรกิจเชงเก้นสามารถทำได้

 

  • เข้าร่วมการประชุมทางธุรกิจ
  • เจรจาธุรกิจ
  • พบปะลูกค้า หรือคู่ ค้าทางธุรกิจ
  • เข้าร่วมงานแสดงสินค้า หรือ นิทรรศการที่เกี่ยวข้องกับทางธุรกิจ
  • ฝึกอบรม หรือ ศึกษาดูงานทางธุรกิจ

ในการของวีซ่าธุรกิจเชงเก้น ผู้สมัครจะต้องมี

  • มีหนังสือเดินทางที่มีอายุเหลืออย่างน้อย 3 เดือนนับจากวันที่เดินทางออกจากเขตประเทศเชงเก้น
  • มีหลักฐานยืนยันการจองที่พัก
  • มีหลักฐานยืนยันการเดินทางกลับ หรือ การเดินทางไปยังประเทศอื่น
  • มีหลักฐานทางการเงินเพียงพอสำหรับครอบคลุมค่าใช้จ่ายระหว่างอยู่ในเขตประเทศเชงเก้น
  • มีเอกสารแสดงวัตถุประสงค์ในการเดินทาง ซึ่งได้แก่
    • จดหมายเชิญจากบริษัท หรือ องค์กรที่ประเทศเชงเก้น
    • หนังสือเดินทางธุรกิจ
    • ใบรับรองการทำงาน

3. วีซ่านักเรียน (Schengen Study Visa)

       เป็นวีซ่าเชงเก้นระยะยาวประเภทหนึ่ง ที่อนุญาตให้ผู้ถือวีซ่าสามารถเดินทางเข้าเขตประเทศเชงเก้นได้เพื่อเรียนต่อในสถาบันการศึกษา โรงเรียน มหาวิทยาลัยในเขตประเทศเชงเก้น โดยระยะยาวมีระยะเวลาอยู่ได้ไม่เกิน 5 ปี ในขณะที่หลักสูตรระยะสั้นมีระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน ภายในระยะเวลา 180 วัน

ในการของวีซ่าเชงเก้นนักเรียน ผู้สมัครจะต้องมี

  • หนังสือเดินทางที่มีอายุเหลืออย่างน้อย 3 เดือนนับจากวันที่เดินทางออกจากเขตประเทศเชงเก้น
  • มีหลักฐานยืนยันการจองที่พัก
  • มีหลักฐานยืนยันการเดินทางกลับ หรือ การเดินทางไปยังประเทศอื่น
  • มีหลักฐานทางการเงินเพียงพอสำหรับครอบคลุมค่าใช้จ่ายระหว่างอยู่ในเขตประเทศเชงเก้น
  • มีเอกสารแสดงวัตถุประสงค์ในการเดินทาง ซึ่งได้แก่
    • จดหมายตอบรับจากสถาบันการศึกษาในเขตประเทศเชงเก้น
    • ใบรับรองผลการเรียนหรือหลักฐานทางการศึกษาอื่น ๆ
    • หลักฐานทางการเงินของผู้ปกครอง หรือ ผู้สนับสนุน

4. วีซ่าทำงาน (Schengen Work Visa)

       เป็นวีซ่าเชงเก้นระยะยาวประเภทหนึ่งที่อนุญาตให้ผู้ถือวีซ่าสามารถเดินทางเข้าเขตประเทศเชงเก้นได้เพื่อทำงาน หรือ ประกอบอาชีพในเขตประเทศเชงเก้น โดยสำหรับการทำงานในระยะยาวจะอยู่ทำงานได้ไม่เกิน 5 ปี และสำหรับหลักสูตร Training จะมีระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน ภายในระยะเวลา 180 วัน

ในการของวีซ่าเชงเก้นทำงาน ผู้สมัครจะต้องมี

  • มีหนังสือเดินทางที่มีอายุเหลืออย่างน้อย 3 เดือนนับจากวันที่เดินทางออกจากเขตประเทศเชงเกน
  • มีหลักฐานยืนยันการจองที่พัก
  • มีหลักฐานยืนยันการเดินทางกลับหรือการเดินทางไปยังประเทศอื่น
  • มีหลักฐานทางการเงินเพียงพอสำหรับครอบคลุมค่าใช้จ่ายระหว่างอยู่ในเขตประเทศเชงเก้น
  • มีเอกสารแสดงวัตถุประสงค์ในการเดินทาง ซึ่งได้แก่
    • จดหมายตอบรับจากนายจ้างในเขตประเทศเชงเก้น
    • ใบรับรองการทำงานหรือหลักฐานทางอาชีพอื่นๆ
ประเภทวีซ่า ค่าธรรมเนียม (ยูโร)
วีซ่าท่องเที่ยว / ธุรกิจ (ผู้ใหญ่) 80
วีซ่าท่องเที่ยว / ธุรกิจ (เด็กอายุ 6-11 ปี) 40
วีซ่าท่องเที่ยว / ธุรกิจ (เด็กอายุ 0-5 ปี) ไม่เสียค่าใช้จ่าย

        จะเห็นได้ว่าจะมีรายละเอียดของวีซ่าประเภทต่าง ๆ ที่แตกต่างกันไป ทั้งเงื่อนไขเอกสารที่ต้องเตรียมยื่น อีกทั้ง Process ในการยื่นเอกสารต่าง ๆ ดังนั้นแล้วหากใครที่กำลังมองหาผู้ช่วย ตรวจเอกสาร ให้คำแนะนำต่าง ๆ ปรึกษาเราได้ที่นี้

 

วีซ่าเชงเก้น คืออะไร? ฉบับอัพเดทล่าสุด!

 

อยากไปเที่ยวยุโรป ! รับทำวีซ่ายุโรป ก็ต้องรู้จักกับ “ วีซ่าเชงเก้น ” กันซะก่อน ว่าวีซ่านี้มีความพิเศษขนาดไหน ซึ่งวันนี้ทีมงานมีทรัพย์จะมาเล่าให้ฟังค่ะ

 

วีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) เป็นวีซ่าที่อนุญาตให้บุคคลเดินทางเข้าและออกโซนเชงเก้น (พื้นที่ในยุโรป 27 ประเทศ)  รับทำวีซ่ายุโรป ได้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งวีซ่า-เชงเก้นจะออกให้เพื่ออนุญาตนักท่องเที่ยวและนักเดินทางระยะสั้นอื่น ๆ เป็นเวลาไม่เกิน 90 วัน ภายในเวลา 180 วัน ซึ่งการตกลงร่วมกันในครั้งนี้ได้มีขึ้นครั้งแรกที่เมืองเชงเก้น ประเทศลักเซมเบิร์ก จึงเป็นที่มาของชื่อวีซ่า-เชงเก้นนั่นเอง

 

รัฐบาลเชงเก้น ประกอบด้วย 

  1. เนเธอร์แลนด์
  2. เบลเยี่ยม
  3. สเปน
  4. ไอซ์แลนด์
  5. อิตาลี
  6. ออสเตรีย
  7. กรีซ
  8. แลตเวีย
  9. ลิกเตนสไตน์
  10. ลิธัวเนีย
  11. ลักเซมเบอร์ก
  12. มอลตา
  13. นอร์เวย์
  14. โปรตุเกส
  15. โปแลนด์
  16. ฝรั่งเศส
  17. สวีเดน
  18. เยอรมัน
  19. สโลวัก
  20. สโลวีเนีย
  21. ฟินแลนด์
  22. สวิตเซอร์แลนด์
  23. โครเอเชีย
  24. เดนมาร์ก
  25. เชค
  26. ฮังการี
  27. เอสโตเนีย 

 

ดังนั้น หากได้รับวีซ่า-เชงเก้นจากหนึ่งประเทศ ผู้เดินทางจะได้สิทธิ์ในการเดินทางเข้า “ทุกประเทศในเขตเชงเก้น” ซึ่งในการยื่นขอวีซ่านั้น จะต้องยื่นขอวีซ่าจากประเทศที่เป็นจุดหมายหลัก หรือให้ยื่นขอวีซ่าจากประเทศที่วางแผนจะเดินทางเข้าไปเป็นประเทศแรก 

 

หมายเหตุ: สหราชอาณาจักร (อังกฤษ เวลส์ สก็อตแลนด์ ไอร์แลนด์เหนือ) และประเทศไอร์แลนด์ ไม่อยู่ในเขตเชงเก้น

 

ซึ่งปัจจัยในการอนุมัติวีซ่า จะประกอบไปด้วย แผนการเดินทางออกจากพื้นที่ก่อนวีซ่าจะหมดอายุ และ หลักฐานที่แสดงถึงกำลังทรัพย์ที่เพียงพอในการท่องเที่ยวหรือเยี่ยมเยียนระยะสั้นในโซนเชงเก้น นั่นเองค่ะ บอกเลยว่า แฮปปี้สุดๆ ถ้าได้วีซ่า-เชงเก้นมาครอบครอง! จะไปเที่ยวกี่ประเทศก็ไม่หวั่น แต่วีธีการสมัคร ก็ไม่หมูนะคะ ไว้เดี๋ยวทีมงานมีทรัพย์จะมาแชร์เรื่องราวให้ฟังเพิ่มกันอีกค่ะ

 

Source1

Source2

Source3

Source4

 

วิธีการขอวีซ่าเชงเก้น ให้ผ่าน!

 

วันนี้ทีมงานมีทรัพย์จะมาแชร์วิธีการได้วีซ่า-เชงเก้นง่ายๆ เข้า-ออก 27 ประเทศในยุโรปแบบสบายๆ แค่ทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้ !

 

 

1.วางแผนการเดินทางให้ครอบคลุม

 

A.แนะนำว่าให้ทุกคนวางแผนการเดินทางในแต่ละประเทศในเขตเชงเก้นให้ชัดเจน ว่าจะเดินทางเข้ากี่ประเทศ อยู่ประเทศใดนานที่สุด หรือจะเข้าประเทศใดเป็นประเทศแรก เพราะนั่นหมายถึงประเทศที่ทุกคนจะต้องนำเอกสารไปยื่นขอวีซ่า-เชงเก้นนั่นเองค่ะ

 

B.กรณีที่ 1: เดินทางเข้าเพียง 1 ประเทศ ในเขตเชงเก้น ให้ขอวีซ่าจากประเทศนั้นได้เลย

 

C.กรณีที่ 2: เดินทางเข้าหลายประเทศ โดยมีประเทศที่อยู่นานที่สุด ให้ขอวีซ่าจากประเทศที่อยู่นานที่สุด เช่น หากเที่ยวฮังการี 4 วัน ฟินแลนด์ด์ 4 วัน แล้วสุดท้ายที่สเปน 5 วัน ต้องยื่นขอวีซ่า-เชงเก้นที่สถานทูตสเปน

 

D.กรณีที่ 3: เดินทางเข้าหลายประเทศ โดยแต่ละประเทศใช้เวลาพอกัน ให้ขอวีซ่าจากประเทศแรกที่เดินทางเข้าค่ะ เช่น หากเที่ยวฮังการี 4 วัน ฟินแลนด์ด์ 4 วัน แล้วสุดท้ายที่สเปน 4 วัน ต้องยื่นขอวีซ่าเชงเก้นที่สถานทูตฮังการี

 

2.ทำความรู้จักสถานที่ทำวีซ่า

 

  1. เนื่องจากประเทศในเขตเชงเก้นนั้นมีมากถึง 27 ประเทศ และในแต่ละประเทศจะมีเงื่อนไขการขอวีซ่าที่ต่างกัน โดยบางประเทศจะสามารถยื่นขอวีซ่าได้ที่สถานทูตของประเทศนั้นๆ เลย หรือบางประเทศอาจจะต้องขอผ่านศูนย์วีซ่าที่ถูกจัดตั้งขึ้น รายละเอียดดังนี้ค่ะ

 

  1. ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า VFS Global

 

  • วีซ่าออสเตรีย
  • วีซ่าเบลเยี่ยม
  • วีซ่าสาธารณรัฐเช็ก
  • วีซ่าเดนมาร์ก
  • วีซ่าเอสโตเนีย (สถานทูตฟินแลนด์เป็นตัวแทน)
  • วีซ่าฟินแลนด์
  • วีซ่าเยอรมัน
  • วีซ่าไอซ์แลนด์ (สถานทูตเดนมาร์กเป็นตัวแทน)
  • วีซ่าอิตาลี
  • วีซ่าลิคเทนสไตน์ (สถานทูตสวิตเซอร์แลนด์เป็นตัวแทน)
  • วีซ่ามอลต้า (สถานทูตออสเตรียเป็นตัวแทน)
  • วีซ่าเนเธอร์แลนด์
  • วีซ่านอร์เวย์
  • วีซ่าสโลวีเนีย (สถานทูตออสเตรียเป็นตัวแทน)
  • วีซ่าสวีเดน
  • วีซ่าสวิตเซอร์แลนด์

 

C.ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า TLS Contact

  • วีซ่าฝรั่งเศส
  • วีซ่าโปรตุเกส

 

D.ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า BLS International

  • วีซ่าสเปน

 

E.ยื่นโดยตรงที่สถานทูต

  • วีซ่ากรีซ
  • วีซ่าฮังการี
  • วีซ่าลัตเวีย (สถานทูตฮังการีเป็นตัวแทน)
  • วีซ่าลิทัวเนีย (สถานทูตเยอรมันเป็นตัวแทน)
  • วีซ่าลักเซ็มเบิร์ก
  • วีซ่าโปแลนด์
  • วีซ่าสโลวาเกีย

 

3.เตรียมเอกสารเพื่อสมัคร

A.โดยหลักแล้ว เอกสารที่ต้องใช้ จะประกอบไปด้วย เอกสารส่วนตัวเพื่อแสดงตน และเอกสารที่ต้องทำเพิ่มเติม เพื่อประกอบการขอวีซ่าค่ะ ตัวอย่างของเอกสารส่วนตัวจะมี บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน รูปถ่าย เป็นต้น และเอกสารที่เอกสารที่ต้องทำเพิ่มเติมเพื่อประกอบการขอวีซ่านั้น จะขึ้นอยู่กับประเทศของวีซ่าที่ยื่น ดังนั้นทีมงานมีทรัพย์แนะนำให้ศึกษารายละเอียดเอกสารจากสถานทูต หรือ ศูนย์วีซ่าของประเทศนั้นๆให้ดีค่ะ

B.ซึ่งสำหรับวีซ่า-เชงเก้น อาจจะให้นำ้หนักกับ แผนการเดินทางออก ก่อนวีซ่าจะหมดอายุ กับหลักฐานแสดงกำลังทรัพย์ในการท่องเที่ยวค่ะ

 

4.กะเวลาสมัครวีซ่าให้ดี พร้อมทำนัดออนไลน์

A.ทุกคนสามารถขอวีซ่าล่วงหน้าได้นานถึง 6 เดือน ก่อนการเดินทาง หรือ ช้าสุดคือ 15 วันก่อนการเดินทาง เพราะทางสถานทูตหรือศูนย์วีซ่าจะจำเป็นต้องใช้เวลาในการพิจารณาวีซ่าดังกล่าวค่ะ ทีมงานมีทรัพย์แนะนำว่าให้กะเวลาดีๆเลยค่ะ เพื่อทำนัดออนไลน์ในการยื่นเอกสาร

 

5.เดินทางไปทำ Biometrics

A.สำหรับวีซ่า-เชงเก้นแล้ว ผู้เดินทางจะต้องเดินทางไปที่สถานทูตหรือศูนย์วีซ่าด้วยตนเอง เพื่อไปยื่นเอกสารและทำการยืนยันตัวตนกับเจ้าหน้าที่ค่ะ

 

6.รอรับผลวีซ่าเชงเก้น

A.ระยะเวลาในการพิจารณาผลวีซ่า-เชงเก้น โดยส่วนมากแล้วจะใช้เวลาประมาณ 15-45 วัน แล้วแต่กรณีค่ะ และเมื่อได้รับผลผ่านวีซ่าเรียบร้อยแล้ว ผู้เดินทางจะได้รับเป็นสติกเกอร์ติดอยู่ในหนังสือเดินทาง เพื่อทำการแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองนั้นๆ ค่ะ

 

ใครบอกว่าวีซ่าเชงเก้นทำยาก.. บอกเลยว่าไม่จริง! เพียงแค่รู้ทริคในการสมัครเล็กๆ น้อยๆ เท่านี้ก็หายห่วงได้เลย ยังไงไว้เดี๋ยวทีมงานมีทรัพย์หาสาระดีๆ มาให้เล่าทุกคนอีกนะคะ 

 

Source1

Source2

 

 

วีซ่า เชงเก้น เอกสารที่ต้องใช้ ?

 

ท่านใดที่กำลังจะขอวีซ่า-เชงเก้นแต่ยังไม่แน่ใจว่าจะต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง วันนี้ทีมงานมีทรัพย์รวมลิสต์เอกสารสำคัญที่ต้องใช้ในการขอวีซ่า-เชงเก้น มาฝากทุกท่านค่ะ เตรียมสมุดปากกาให้พร้อมแล้วมาจดกันได้เลยค่ะ 

 

1.แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่าที่กรอกข้อทูลครบถ้วนพร้อมลงชื่อ หากเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ผู้ปกครองจะต้องลงชื่อทั้งบิดาและมารดานะคะ 

2.หนังสือเดินทางที่มีอายุเหลือเกินสามเดือนนับจากวันที่เดินทาง ที่มีหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้า พร้อมสำเนา 2ชุด 

3.แบบฟอร์มข้อมูลข้อกฎหมายที่ต้องทราบ พร้อมลงชื่อ 

4.รูปถ่านแบบไบโอเมตริก 2 ใบ ขนาด 3.5 ซมx 4.5 ซม 

  • พื้นหลังสีขาว
  • ถ่ายไม่เกิน6เดือน 

 

5.หนังสือการเปลี่ยนชื่นนามสกุล(ถ้ามี) 

6.ใบจองตั๋วเครื่องบินทั้งขาใบและขากลับ

7.แผนการเดินทางโดยละเอียด หากท่านมีแผนจะเดินทางหลายประเทศจะต้องระบุยาภาหนะที่ใช้ภายในทริปการเดินทางนี้ให้ชัดเจน 

8.ใบจองที่พัก/โรงแรม

9.จดหมายจากบริษัทนำเที่ยวที่มีรายละเอียดการเดินทางที่ชัดเจนและรายชื่อของสมาชิกครบถ้วน

10.หลักฐานการจ้างงาน

  • หนังสือรับรองการทำงานที่ออกโดยบริษัท 
  • ใบอนุญาติประกอบธุรกิจ
  • กรณีนักศึกษา ใช้ใบรับรอ
  • การเป็นนักศึกษาที่ออกโดยมหาวิทยาลัย 

 

11.หลังฐานทางการเงินที่เพียงพอในการเดินทาง เป็นเอกสารสำคัญที่ผู้เดินทางจะต้องยื่นทุกคนนะคะ โดยระบุบรายละเอียดดังนี้ 

  • ยอดเงินฝากธนาคาร แสดงรายการเดดินบัญชี อย่างน้อย 3 เดือน หรือสามารถยื่นสำเนาอสังหาริมทรัพย์(โฉนดที่ดิน) ร่วมด้วยได้เช่นกันค่ะ 

 

12.ประกันการเดินทาง ความคุ้มครองไม่ต่ำกว่า 30,000.- เหรียญยูโรนะคะ 

 

คำแนะนำในการเรียนเอกสาร สามารถเรียนเอกสารตามนี้เพื่อให้การยื่นขอวีซ่าเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นนะคะ

1.สำเนาหนังสือเดินทาง

2 แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่า

3.จดหมายเชิญ

4.ใบจองเที่ยวบิน

5.หลังฐานอื่นๆ เช่น หนังสือรับรองการทำกงานหรือการเป็นนักศึกษา,หลักฐานทางการเงิน 

6.หลังฐานการประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ 

 

เพียงเท่านี้ท่านก็สามารถยื่นขอวีซ่า เชงเก้นได้แล้วค่ะ แต่ถ้าหากยังคงกังวลเรื่องรายละเอียดอื่นๆสามารถปรึกษาเราได้ที่ MESUB Visa&Travel เรามีบริการรับยื่นวีซ่า เชงเก้น ให้บริการเตรียมเอกสารพร้อมยื่นขอวีซ่าให้ รับทำวีซ่ายุโรป สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook MESUB Visa&Travel ค่ะ 

วีซ่า สเปน บริการยื่นวีซ่า ต่อวีซ่า ง่ายๆ กับ MESUB TRAVEL สะดวก รวดเร็ว ทีมงานของเรายินดีดูแลเป็นอย่างดี ด้วยประสบการณ์ในวงการมากกว่าหลายสิบปี การันตีด้วยลูกค้ามากมาย

 

รับทำวีซ่ายุโรป ติดต่อเราได้ทางไหน?

เปิดให้บริการ: จันทร์ – ศุกร์ 09.30-18.00

ออนไลน์ 09.30-18.00 (ทุกวัน)

LINE Official: @mesubtravel

TEL: ไทย 09-5653-8299, 083-468-5325

ENG 09-2966-9045

中文 08-1009-0558

FB Page: MESUB visa&travel บริการด้านวีซ่าครบวงจร

Email: mesubvisa@gmail.com

 

 

กลับสู่หน้าหลัก  jum-jim.com

ข้าวมันเป็ด Quackquack | ร้านอาหารหอการค้า

ข้าวมันเป็ด Quackquack | ร้านอาหารหอการค้า

 

ร้านอาหารหอการค้า – ข้าวมันไก่ เป็นอาหารคาวดั้งเดิมของชาวจีน ได้รับการเผยแพร่มาจากชาวจีนไหหลำหรือไห่หนานที่มาอยู่ประเทศไทย มีให้รับประทานกันทั่วทุกภาคในประเทศไทย ส่วน ร้านข้าวมันเป็ด Quackquack ได้คิดเมนูใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลายของอาหาร ทางร้านมีเมนู ข้าวหมก ข้าวมัน เสริฟพร้อม ไก่อบ เป็ด และหมูอบ ให้ลูกค้าได้เลือกตามความชอบ

 

 

ร้านอาหารหอการค้า ข้าวมันเป็ดชื่อดัง ย่านหอการค้า สุดยอดความอร่อยที่ใครๆก็ไม่ควรพลาด พร้อมเสิร์ฟความปัง ตั้งอยู่ หน้ามหาวิทยาลัยหอการค้า มีหลากหลายเมนูให้ลิ้มลอง ไม่ว่าจะเป็น เมนูเป็ด เมนูไก่อบ เมนูหมูอบ และ ซุปเป็ดตุ๋นมะนาวดองรสเด็ด

 

เมนู หมูอบ

ข้าวหมกหมูอบ หมูอบนุ่มพิเศษชิ้นใหญ่เต็มคำ ราดน้ำซอสรสเด็ด เสิร์ฟร้อนบนข้าวหมกร้อนๆ เป็นเม็ดเรียงตัวที่มีความนุ่ม หอมกรุ่นไปด้วยเครื่องเทศ อีกทั้งยังโรยหอมเจียวแบบจุกๆ ทานคู่กับซุปมะนาวดองสุดเข้มข้น สัมผัสรสชาติแบบต้นตำรับที่คุณไม่ควรพลาด 

 

ข้าวมันหมูอบ หมูอบนุ่มพิเศษชิ้นใหญ่เต็มคำ ราดน้ำซอสรสเด็ด ทานคู่กับข้าวมัน นุ่มอร่อย

 

เมนู ไก่อบ

 

ข้าวมันไก่อบ ไก่เนื้อเน้นๆเต็มคำ หมักด้วยซอสสูตรพิเศษ ซึมเข้าเนื้อไก่ทำให้ไก่หอมและนุ่ม ละมุนลิ้น ไก่อบออกมามีความฉ่ำ ทานคู่กับข้าวมัน อร่อยฟินๆไปเลย 

 

 

ข้าวหมกไก่อบ ไก่อบซอสฉ่ำๆ เสิร์ฟร้อนบนข้าวหมกร้อนๆ เป็นเม็ดเรียงตัวที่มีความนุ่ม หอมกรุ่นไปด้วยเครื่องเทศ อีกทั้งยังโรยหอมเจียวแบบจุกๆ ทานคู่กับซุปมะนาวดองสุดเข้มข้น สัมผัสรสชาติแบบต้นตำรับที่คุณไม่ควรพลาด 

 

 

ไก่อบซอส สุดฉ่ำ ซอสรสเด็ด จิ้มกับน้ำจิ้มรสจัด ช่างเข้ากันเหลือเกิน ไก่ชิ้นใหญ่ๆ เนื้อเน้นๆ นุ่ม เต็มคำ จะทานเล่นหรือทานกับข้าวหมก ข้าวมัน ก็ฟินๆไปเลยกับเมนูพิเศษจานนี้ ใครไม่ลองถือว่าพลาด

 

เมนูเป็ด เด็ดๆ

เนื้อเป็ด ชิ้นใหญ่ๆ หอมนุ่ม ราดซอสพิเศษจากทางร้าน รสชาติกลมกล่อม ช่ำซอส ที่สำคัญไม่มีความคาวเป็ดอย่างแน่นอน

 

ข้าวมันเป็ด  ใครจะรู้ว่าเป็ด ทานคู่กับข้าวมัน เป็นอะไรที่ว้าวมาก อร่อยหอมละมุน เป็ดชิ้นโตๆเต็มคำราดด้วยน้ำซอส ทานคู่กับน้ำจิ้มเต้าเจี๊ยว เผ็ดนิดกำลังดี

 

 

ข้าวหมกเป็ด เป็ดนุ่มๆชิ้นโตๆ ราดซอสสูตรพิเศษของทางร้าน เสิร์ฟบนข้าวหมกร้อนๆ เม็ดข้าวเรียงตัว มีความนุ่ม หอมกรุ่นไปด้วยเครื่องเทศ อีกทั้งยังโรยหอมเจียวแบบจุกๆ 

 

 

เป็ดตุ๋นมะนาวดองร้อนๆ เป็นเมนูที่พลาดไม่ได้ ยังไงก็ต้องสั่ง ไว้ซดร้อน ทำให้อาหารจานอื่นอร่อยขึ้นไปอีก ด้วยซุปมะนาวดองหอมๆ เสิร์ฟร้อน พร้อมเป็ดตุ๋นเปื่อยๆละมุนลิ้น รับประกันไม่มีความคาว เพราะเรามีสูตรลับเฉพาะ สัมผัสรสชาติความกลมกล่อมได้ที่ quackquack หน้ามหาวิทยาลัยหอการค้า

 

 

เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.30 น. -21.00 น.

Line :: @quackquack

Tel :: 093 598 9195

 

 

marijuana
Sawadee Sativa

Sawadee Sativa

 

marijuana กัญชาได้ถูกปลดล็อกตามพระราชบัญญัติกัญชา-กัญชง ตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา สามารถครอบครอง เพาะปลูก และการจัดจำหน่าย รวมไปถึงการบริโภคได้ ซึ่งการปลดล็อกกัญชาสามารถเพิ่มศักยภาพทางการเกษตรและการท่องเที่ยวได้ 

 

ปัจจุบันมีประเทศที่ปลดล็อกกัญชาทั้งหมดและปลดล็อกบางส่วนรวม 69 ประเทศ จาก 193 ประเทศทั่วโลก หรือคิดเป็นสัดส่วน 36% ของทั้งหมด และนั่นคือมูลค่าโอกาสของกัญชาไทยในตลาดโลก

 

กัญชา เป็นพืชในพื้นที่ที่มีภูมิอากาศอบอุ่น เช่น เอเชีย, อเมริกาใต้ และตะวันออกกลาง ในประวัติศาสตร์มี รายงานการใช้ประโยชน์จากกัญชายาวนานกว่าสี่พันปี ใช้เพื่อการผ่อนคลาย รวมถึงใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ บรรเทาโรคต่างๆ

 

มีกัญชาหลากหลายสายพันธุ์ให้เลือก และมีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชา ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันกัญชา weed นานาพันธุ์ ให้เลือก ผ่านการคัดกรองอย่างมีคุณภาพสดจากฟาร์ม วันนี้ทาง Sawadee Sativa จะแนะนำ weed สายพันธุ์กัญชาไทยที่ได้ผ่านการรับรองในไทยให้กับทุกคนได้รู้จัก และรู้ถึงลักษณะของต้นกัญชาแต่ละพันธุ์ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร

 

 

cannabis marijuana กัญชาพันธุ์ไทย ถือเป็น พันธุ์หายากและพบได้มากบริเวณเทือกเขาภูพาน จังหวัดสกลนคร และบริเวณเทือกเขาตะนาวศรี คาดว่ากัญชาพันธุ์ที่พบในประเทศไทยน่าจะถูกนำมาจากทางจีนตอนใต้ และมีการนำไปแยกปลูกในต่างพื้นที่ทำให้มีความหลากหลายทั้งลักษณะสัณฐานวิทยา และปริมาณสารสำคัญที่ได้ โดยแต่ละพันธุ์มีลักษณะพิเศษ ซึ่งมีสายพันธุ์ดังต่อไปนี้

 

สายพันธุ์กัญชาที่จดทะเบียนรับรองในไทย ได้แก่

 

1. พันธุ์ตะนาวศรีก้านขาว

มีลักษณะของช่อดอกจำนวนมาก แน่นเป็นกระจุกบริเวณปลายกิ่ง ลำต้นเป็นทรงพุ่ม มีกลิ่นหอมคล้ายเปลือกส้มผสมตะไคร้

2. พันธุ์ตะนาวศรีก้านแดง

มีลักษณะของช่อดอกที่คล้ายกับพันธุ์ตะนาวศรีก้านขาว แต่จะต่างกันคือมีสีแดงที่กิ่ง ก้าน และใบ ไม่มีกลิ่นฉุน มีกลิ่นหอมคล้ายผลไม้สุก

3. พันธุ์หางเสือ

มีลักษณะของช่อดอกยาวคล้ายหางเสือตามชื่อ กลิ่นหอมคล้ายเปลือกส้ม และฉุนเล็กน้อย

4. พันธุ์หางกระรอก

สายพันธุ์นี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ ไทยสติ๊ก ได้ชื่อว่าเป็นสายพันธุ์ที่ดีที่สุดในโลก เพราะมี สาร THC ที่สูงมาก ประมาณ 20%

 

และทั้งหมดนี้ก็คือสายพันธุ์กัญชาในไทยที่จดทะเบียนรับรองเรียบร้อยแล้ว ทุกส่วนของกัญชาเป็นที่รู้กันว่านำมาสกัดเป็นยารักษาโรคได้ ไม่ว่าจะเป็น  ลำต้น ใบ เมล็ด อย่างไรก็ตามมีข้อสำคัญที่ต้องคำนึง คือ การใช้งาน ต้องปฎิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ใช้เองโดยพละการ มีผู้ดูแลใกล้ชิด และไม่อยู่ระหว่างขับรถหรือทำงานกับเครื่องจักร ทำงานในที่สูง หากพบอาการผิดปกติดังต่อไปนี้ให้รีบพบแพทย์

 

 

การเตรียมสารสกัดที่มีปริมาณสารสำคัญสูง และควบคุมคุณภาพสารสกัดให้ได้มาตรฐานสากล รวมถึงด้านพิษวิทยาของ “กัญชา” ทั้งในหลอดทดลองและสัตว์ทดลอง เพื่อเป็นข้อมูลส่งเสริมการใช้ “กัญชา” และประเมินความปลอดภัยของ “กัญชา” เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพจากสารสกัด “กัญชา”

 

กัญชาเสรีของไทยมีข้อดีต่อเรื่องการท่องเที่ยวอย่างสุดๆ แน่ๆ อันนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลย ที่ประเทศไทยกำลังมุ่งคือ Cannabis Destination ให้คนสามารถเที่ยวและสูบกัญชาบินไปเที่ยวได้ เช่น มาลิ้มลองกัญชาริมทะเล Medical Wellness ในอเมริกาตอนนี้มีทัวร์กัญชาและ Bed & Breakfast เยอะมากแล้ว 

 

และตอนนี้มีหลายประเทศที่กัญชาถูกลดทอนความเป็นอาชญากรรมและสามารถพกพากัญชาได้ เช่น บางรัฐในอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ แคนาดา เนเธอร์แลนด์ หรือโปรตุเกส สามารถบินไปมากับเมืองไทยได้ เป็น Cannabis Trip ได้ แวะมาสูบกัญชาให้คนฮอปปิ้งและเดินทางต่อได้

 

 

ภายในร้านตกแต่งน่านั่ง บรรยากาศปลอดโปร่ง มีกัญชาสายพันธุ์ให้เลือกหลากหลาย มีผู้เชี่ยวชาญให้ความรู้แต่ละสายพันธุ์ บริการเป็นกันเอง  Sawadee Sativa ยินดีให้บริการทุกท่าน

 

 

 

กลับสู่หน้าหลัก  jum-jim.com

คลินิกทำฟัน อารีย์
Bangkok Smile Dental Clinic | คลินิกทำฟัน อารีย์

Bangkok Smile Dental Clinic | คลินิกทำฟัน อารีย์

 

คลินิกทำฟัน อารีย์ คลินิกทันตกรรมบางกอกสไมล์ มาโล เป็นหนึ่งในคลินิกที่มีมาตรฐานระดับโลกในประเทศไทย และเปิดให้บริการทางทันตกรรมมานานกว่า 16 ปี ให้การรักษาด้วยทีมทันตแพทย์เฉพาะทางที่มากด้วยประสบการณ์ คลินิกทันตกรรมบางกอกสไมล์ มาโล เป็นหนึ่งในไม่กี่คลินิกที่มีแลปทันตกรรมเป็นของตนเอง และ อีกทั้งได้รับ มาตรฐานการให้บริการ ISO 9001 : 2008 (มาตรฐานการให้บริการ) และใช้มาตรฐาน JCI หรือ (Joint Commission International)(มาตรฐานการรักษา) 

เป็นคลินิกแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้ร่วมมือกับ MALO DENTAL เป็นคลินิกทันตกรรมระดับโลก ที่เป็นผู้นำในการรักษาทันตกรรมรากเทียม และเป็นต้นกำเนิดการรักษา All-on-4™ ที่มีสาขาใน 6 ทวีป 20 ประเทศ 62 เมืองทั่วโลก ปัจจุบัน คลินิกทันตกรรมบางกอกสไมล์ มาโล เปิดให้บริการอยู่ 4 สาขา ในกรุงเทพฯ และ 2 สาขา ในภูเก็ต

มาตรฐานระดับโลกที่คลินิกทันตกรรมบางกอกสไมล์ มาโล | คลินิกทำฟัน อารีย์

เพราะรอยยิ้มของคุณ มีค่าสำหรับเรา คลินิกทันตกรรมบางกอกสไมล์ มาโล จึงมุ่งมั่น และตั้งใจ ที่จะให้คนไข้ของเราได้รับการรักษาที่ได้มาตรฐาน และการบริการที่ดีที่สุดจากเรา การฆ่าเชื้อและการควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโรคยังคงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการปฏิบัติงาน 

 

ทางด้านทันตกรรมของคลินิกทันตกรรมบางกอกสไมล์ ความปลอดภัยของคนไข้ของเราและความ สะอาดในการให้บริการ ถือเป็นเป้าหมายที่เราให้ความสำคัญมาก เพราะเราตระหนักดีว่าเครื่องมือเครื่องใช้ ทางทันตกรรมเป็นเสมือนตัวกลางที่มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะแพร่กระจายเชื้อโรคไปสู่คนไข้ หรือจาก คนไข้ไปสู่ทันตแพทย์

คลินิกทำฟัน อารีย์  คลินิกทันตกรรมบางกอกสไมล์ มาโล เราพร้อมให้บริการทุกท่าน ด้วยที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ เครื่องมือที่สะอาด ปลอดเชื้อ และทันสมัย พร้อมทั้งบุคลากรที่พร้อมให้บริการ เพื่อให้คนไข้ของเราทุกคน มั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่ได้มาตรฐานการรักษาระดับสากล

การฆ่าเชื้อโดยใช้มาตรฐานขั้นสูง

การฆ่าเชื้อและการควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโรคยังคงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการปฏิบัติงาน ทางด้านทันตกรรมของคลินิกทันตกรรมบางกอกสไมล์ ความปลอดภัยของคนไข้ของเราและความ สะอาดในการให้บริการ ถือเป็นเป้าหมายที่เราให้ความสำคัญมาก เพราะเราตระหนักดีว่าเครื่องมือเครื่องใช้ ทางทันตกรรมเป็นเสมือนตัวกลางที่มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะแพร่กระจายเชื้อโรคไปสู่คนไข้ หรือจาก คนไข้ไปสู่ทันตแพทย์

 

ทีมทันตแพทย์บางกอกสไมล์ มาโล คลินิก เป็นทีมทันตแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านทันตกรรม และผ่าน การฝึกฝนทักษะการรักษาระดับโลกที่สำนักงานใหญ่ MALO CLINIC ประเทศ โปรตุเกส เมื่อคุณก้าว เข้ามาที่ บางกอกสไมล์ มาโล คลินิก คุณจะสามารถรับรู้ได้ถึงความเป็นมืออาชีพทางด้านทันตกรรม 

 

ในระดับสากลของทีมแพทย์ของเรา เพราะทีมผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรมของเราได้อุทิศตนอย่างแท้ จริงในการดูแลรอยยิ้มของคุณด้วยความชำนาญในระดับสากล ทันตแพทย์ของเราได้รับการอบรม อย่างเข้มข้นเพื่อเตรียมพร้อมเสมอที่จะเข้ารับมือกับงานการรักษาที่ซับซ้อนและมีความยากในระดับสูงสุด ด้วยประสบการณ์การอบรมจากสถาบัน MALO CLINIC ที่เป็นต้นกำเนิดของการรักษาแบบ ALL-ON-4 MALO PROTOCOL ในเมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส จึงทำให้ทันตแพทย์มีความชำนาญ และความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอเทคนิคการรักษาที่เป็นต้นแบบมาสู่ประเทศไทย เพื่อให้คนไทย ได้เข้าถึงการรักษาที่ถือว่าเป็นเทคโนโลยีในระดับแนวหน้าของโลก

ห้องปฏิบัติการทางทันตกรรมของคลินิก

บางกอกสไมล์ มาโล คลินิก เรามีห้องปฏิบัติการทางทันตกรรมภายในเป็นของตัวเอง ทันตแพทย์ ของเราจะทำงานร่วมกับทีมงานช่างเทคนิคในแล็บ ทันตกรรมอย่างใกล้ชิด เพื่อรองรับการให้บริการ ที่รวดเร็วสำหรับชาวต่างชาติซึ่งมีเวลาจำกัด โดยเป็นแล็บทางด้านทันตกรรมที่ได้มาตรฐาน ISO 9001 : 2015 และใช้เทคโนโลยี CAD/CAM, 3Dทำให้สามารถผลิตชิ้นงานด้านทันตกรรมได้ อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และมีคุณภาพ ปัจจุบันมีสาขาทั้งกรุงเทพฯ และภูเก็ต

 

คลินิกทันตกรรมบางกอกสไมล์ เราให้ความสำคัญกับการส่งมอบบริการที่ดีก่อน และหลังการรักษาให้กับคนไข้ บางกอกสไมล์ มาโล คลินิก มุ่งเน้นการให้บริการกับคนไข้อย่างใส่ใจ และพร้อมจะช่วยเหลือเพื่อให้คุณ มีสุขภาพฟันที่ดี มีรอยยิ้มที่สวยงาม ทานอาหารได้สะดวก

 

Ranil Health Massage

Ranil Health Massage

 

massage  การนวดแผนไทย เป็นการนวดแผนโบราณซึ่งเป็นหนึ่งในการแพทย์แผนโบราณที่มีมานาน บางตำราบันทึกไว้ว่าการนวดแผนไทยมีตั้งแต่สมัยสุโขทัย แต่ในบางตำราก็มีที่นักประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า การนวดแผนไทยอาจจะมีตั้งแต่เมื่อ 2,500 ปีก่อน โดยการนวดแผนไทยสมัยนั้นมาจากชาวอินเดียคนหนึ่งที่นำวิธีการนวดมาเผยแพร่ทั่วเอเชียใต้

 

วิธีนวดแผนไทย จะใช้การบีบอัด การดัน การกด และการยืดเพื่อกระตุ้นและปรับสมดุลของร่างกาย การนวดแผนไทยไม่ได้เป็นเพียงแค่การนวดผ่อนคลายเท่านั้น มันยังเป็นศาสตร์แห่งการบำบัดที่เน้นเรื่องการสร้างสมดุลในร่างกาย อารมณ์ รวมไปถึงจิตใจ

 

การนวดเป็นกระบวนการดูแลสุขภาพอย่างหนึ่ง โดยอาศัยการสัมผัสอย่างมีหลักการ การนวดที่ถูกสุขลักษณะจะทำให้เกิดการไหลเวียนของเลือดลมดีขึ้น ช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึงล้า  รักษาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย คลายเครียด เคล็ดขัดยอก ช่วยให้สุขภาพ กระปรี้กระเปร่า จิตใจผ่อนคลาย


     

Ranil Health Massage  นวดแผนไทยมีกี่แบบ ?

 

1. นวดน้ำมัน กลิ่นหอมจากธรรมชาติ ช่วยให้สดชื่น

การนวดน้ำมัน หรือนวด อโรม่า ใช้น้ำมันที่สกัดจากธรรมชาติที่บริสุทธิ์ เป็นส่วนประกอบ น้ำมันที่ใช้จะมีกลิ่นหอมธรรชาติหรือกลิ่นอโรม่า เหมาะกับผู้ที่ต้องการผ่อนคลายความเครียด กลิ่นหอมจากน้ำมันจะช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย สดชื่น และน้ำมันยังทำให้ผิวชุ่มชื่น นอกจากนั้นยังสามารถช่วยกระชับสัดส่วนได้อีกด้วย

กลิ่นหอมจากธรรมชาติ ช่วยให้สดชื่น คลายเครียดด้วยกลิ่นหอมเฉพาะทางที่ใช้ในการบำบัดอาการให้เบาบางลง เช่น อาการนอนไม่หลับ อาการเครียด หดหู่ นอกจากนี้น้ำมันบริสุทธิ์ยังช่วยบำรุงผิว และกระชับรูปร่างไม่ให้กล้ามเนื้อหย่อนยาน ช่วยสลายไขมันไม่ให้สะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย และความร้อนของน้ำมันที่เกิดจากการนวดจะซึมซาบลึกเข้าไปในผิวหนัง และกล้ามเนื้อช่วยให้รู้สึกเบาสบายตัว

 

2. นวดผ่อนคลาย กระตุ้นระบบต่างๆ

เป็นการนวดเพื่อกระตุ้นระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ระบบการไหลเวียนของเลือด คลายกล้ามเนื้อ และข้อกระดูกต่าง ๆ และยังสามารถช่วยลดความเกร็งของกล้ามเนื้อลงได้ 

 

 

3. นวดฝ่าเท้า ปรับสมดุลในร่างกาย

การนวดฝ่าเท้า นวดเท้า เป็นการปรับสมดุลในร่างกาย เนื่องจากมีจุดสะท้อนของอวัยวะภายในร่างกายที่ฝ่าเท้า และเท้า การนวดฝ่าเท้า และเท้า จึงเป็นการช่วยให้ระบบการไหลเวียนเลือดไปยังอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายได้ดีขึ้น ส่งผลให้มีการขับถ่ายของเสียออกจากเซลล์ ปรับสภาวะสมดุลของร่างกายทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น

 

ฝ่าเท้าของเรามีจุดสำคัญที่เกี่ยวกับอวัยวะภายในร่างกายของเรา เป็นการปรับสมดุล เพิ่มการไหลเวียนเลือดให้ดียิ่งขึ้น ช่วยขจัดเซลล์ที่เสื่อมสภาพและสารพิษออกจากร่างกาย การกดจุดที่ฝ่าเท้ายังช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยจากโรคได้อีกด้วย 

 

4. นวดสำหรับนักกีฬา ลดอาการปวด

การนวดสำหรับนักกีฬาหรือนวดแนวสปอร์ต เหมาะกับคนที่ชอบทำกิจกรรม ออกกำลังกาย คนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ อาจทำให้กล้ามเนื้อและกระดูกจะมีปัญหาในบางครั้ง รวมไปถึงความเหนื่อย ความล้าจากการออกกำลังกาย การนวดสปอร์ตจะช่วยบรรเทาอาการตึงของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่น ช่วยลดอาการปวดหลังจากเล่นกีฬา 

 

5. นวดจับเส้น กดจุด เฉพาะจุด 

การนวดประเภทนี้ เพื่อบำบัดอาการปวดเมื่อยเฉพาะจุด หรือตามข้อต่อ การยึดติดของพังผืดของร่างกายให้ทุเลา เน้นที่การจับจุดในร่างกาย เพื่อให้เกิดความผ่อนคลายตามข้อต่อ รวมไปถึงเเก้อาการอักเสบของกล้ามเนื้อ การนวดนี้จะเจ็บกว่าการนวดแบบอื่นๆ บางคนจะเรียกว่านวดแก้อาการ ซึ่งนวดเพียงครั้งเดียวก็สามารถรู้สึกได้เลยว่าอาการปวดเมื่อยดีขึ้น แต่ต้องนวดเป็นประจำ อาการถึงจะหายไป 

 

 

6. นวดโดยใช้ลูกประคบสมุนไพร ประคบตามจุดต่างๆ 

สำหรับการใช้ลูกประคบ จะเป็นลูกประคบสมุนไพรไทยมาประคบตามจุดต่างๆ ของร่างกาย ด้วยความร้อน และสมุนไพรช่วยในการคลายกล้ามเนื้อ กระตุ้นการไหลเวียนเลือด  ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ ช่วยให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่นได้ดีขึ้น ช่วยบรรเทาความเครียด สมุนไพรที่นิยมใช้ เช่น ไพล ผิวมะกรูด ตะไคร้ ใบมะขาม ขมิ้นชัน เป็นต้น 

 

ประโยชน์ของการนวดแผนไทย

  • ช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อ คอ บ่า ไหล่ และส่วนอื่นๆ
  • ช่วยลดอาการปวดตึงตามข้อ 
  • บรรเทาอาการปวดหลัง 
  • มีส่วนช่วยลดอาการปวดหัวจากไมเกรน
  • การนวดแผนไทยคือการกด บีบ และยืดกล้ามเนื้อ ทำให้การเคลื่อนไหวร่างกายดีขึ้นหลังจากการนวด
  • ทำให้กระปรี้กระเปร่า เพราะการนวดแผนไทยมีการเคลื่อนไหวร่างกายคล้าย ๆ กับโยคะ ทำให้ผู้ที่รับการนวด รู้สึกสดชื่นมากขึ้น
  • ทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองในร่างกายดีขึ้น ทำให้เนื้อเยื่อในร่างกายได้รับออกซิเจนมากขึ้น ส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตของเซลล์

การนวดรักษาอาการปวดหลังแบบเดิมๆ จะช่วยลดความรู้สึกไม่สบาย และช่วยให้คุณหายปวดได้เร็วยิ่งขึ้น การนวดเป็นเพียงการช่วยบรรเทาอาการนอกเหนือจากการดูแลแบบเดิมๆ เช่น การใช้ยาแก้ปวดแก้อักเสบ ปวดคอ ปวดไหล่ ปวดหลังส่วนล่าง ปวดสะโพก ปวดศีรษะ หลังแข็ง ปวดขา ปวดเข่า ปวดศีรษะ ที่เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อ สามารถให้บริการนวดบำบัดได้

 

เราคือบริการนวดบำบัดโดยมืออาชีพ ที่เชี่ยวชาญการนวดหลากหลายรูปแบบ เราใช้เทคนิคการนวด เช่น การนวดเพื่อการรักษา การผ่อนคลายกล้ามเนื้อหน้าท้อง การผ่อนคลายกล้ามเนื้อเยื่อส่วนลึก และการนวดแผนไทยด้วยการยืดเส้น 

 

 

Ranil Health Massage เราให้บริการ รักษาอาการปวด ปวดกล้ามเนื้อ และตึงเครียด และช่วยเพิ่มการไหลเวียน พลังงาน มุ่งเน้นไปที่เทคนิคการนวดบำบัดที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะทางระบบกล้ามเนื้อและกระดูก อาการปวดเรื้อรัง และการบาดเจ็บ เป้าหมายของเราคือการช่วยให้ลูกค้าฟื้นตัวเร็วขึ้น ลดความเจ็บปวด และปรับปรุงการเคลื่อนไหวของลูกค้า

 

 

กลับสู่หน้าหลัก    jum-jim.com

ห้ามส่งอะไรไปต่างประเทศ
รวมบริษัทขนส่ง ห้ามส่งอะไรไปต่างประเทศ  

รวมบริษัทขนส่ง ห้ามส่งอะไรไปต่างประเทศ  

 

ห้ามส่งอะไรไปต่างประเทศ ส่งของไปต่างประเทศกับเจ้าไหนดี ? แล้วแต่ละเจ้าห้ามส่งอะไรกันบ้าง ? วันนี้ SME SHIPPING ได้รวบรวมข้อมูลไว้ให้ลูกค้าทุกท่านแล้ว 

 

1. DHL

ก่อนส่งของกับดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส เราจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องตรวจสอบว่าสินค้าของคุณเป็นของต้องห้ามหรือต้องกำกัดหรือไม่ ? หากท่านไม่มั่นใจในประเภทสินค้าของท่าน กรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนการส่งสินค้า 

 

สินค้าต้องห้าม (สินค้าที่ไม่อนุญาตให้จัดส่ง) | ของห้ามส่งไปต่างประเทศ

  • สินค้าแตกหักง่าย เช่น แก้ว เครื่องถ้วยชาม
  • ตราสารเงินหรือตราสารเทียบเท่าเงินสด เช่น เงินสด เช็ค พันธบัตร ฯลฯ 
  • ซากมนุษย์หรือสัตว์ รวมถึงเถ้ากระดูก
  • วัตถุลามกหรืออนาจาร
  • สินค้าเลียนแบบหรือละเมิดลิขสิทธิ์ รวมถึงสินค้าปลอมแปลงหรือสินค้าที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ผลิต
  • สินค้าอันตราย เช่น อาวุธ ปืน กระสุน ระเบิด วัตถุไวไฟ ฯลฯ (สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าอันตราย โปรดดูด้านล่าง)
  • ยาเสพติด
  • ยาสูบ
  • เอกสารที่มีข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ไม่สามารถเปิดเผยได้
  • สินค้าที่ไม่สามารถทดแทนได้
  • สินค้าที่มีกลิ่นฉุน เช่น ทุเรียน ฯลฯ
  • บรรจุภัณฑ์พัสดุที่ไม่เหมาะสม เช่น บรรจุภัณฑ์ที่ง่ายต่อการแตกหักเสียหาย

สินค้าควบคุม (สินค้าที่ส่งได้แต่มีข้อจำกัดหรือการควบคุมบางอย่าง)

  • เนื้อสัตว์ทุกชนิด
  • ผัก ผลไม้ พืช
  • อาหารสด อาหารทะเล และไอศกรีม
  • อาหารแปรรูปหรืออาหารแห้งที่มีวันหมดอายุ
  • สินค้าถูกบรรจุไว้ในบรรจุภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม
  • ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มหรือของเหลวทุกชนิด
  • เครื่องดนตรีทุกชนิด
  • วัตถุมงคล วัตถุทางศาสนา
  • สินค้ามูลค่าสูง เช่น ทอง เพชร โลหะมีค่า งานศิลปะ ฯลฯ
  • สิ่งมีชีวิต

สินค้าอันตราย (สินค้าภายใต้ข้อบังคับด้านการจัดส่งสินค้าที่อาจก่อให้เกิดอันตราต่อสุขภาพและความปลอดภัย)

  • กระป๋องฉีดพ่นหรือกระป๋องสเปรย์ทุกชนิด เช่น สเปรย์ฉีดผม สเปรย์ดับกลิ่น
  • ถุงลมนิรภัย เข็มขัดนิรภัย
  • แบตเตอรี่ที่มีลิเธียมไออน โพลีเมอร์ โลหะ เฉพาะแบตเตอรี่หรือแบตเตอรี่ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
  • คาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงน้ำแข็งแห้ง
  • สารกัดกร่อน เช่น กรด สี สีย้อมผ้า น้ำยาขัดสนิม ฯลฯ
  • ของเสียที่อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม เช่น น้่ำมันเครื่องทื่ใช้แล้ว แบตเตอรี่ที่ใช้แล้วหรือเสียหาย ฯลฯ
  • วัตถุระเบิดได้หรือดินระเบิด เช่น พลุ พลุแฟลร์ และของที่มีประกายไฟ
  • ของเหลวและของแข็งไวไฟ เช่น แอซีโทน น้ำมันไฟแช็ก ตัวทำละลายสี แม็กนีเซียม โพแทสเซียม ฯลฯ
  • ก๊าซ ทั้งแบบไวไฟ ไม่ไวไฟ ก๊าซอัดและก๊าซพิษ เช่น ถังดับเพลิง ถังดำน้ำ ฯลฯ
  • สารติดเชื้อหรือสารชีวภาพที่น่าจะมีจุลินทรีย์ก่อโรคหรือพาหะนำโรคอื่นๆ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส ปรสิต พรีออน
  • ไม้ขีดไฟ ไฟแช็กหรือน้ำมันเติมไฟแช็ก ที่จุดบุหรี่ซึ่งมีน้ำมันเบนซิน และไฟแช็กบิวเทน
  • วัสดุที่เผาไหม้ได้หรือสารอินทรีย์เปอร์ออกไซด์ เช่น น้ำยาฆ่าเชื้อ สีย้อมผม
  • ยาฆ่าแมลง สารเคมีกำจัดวัชพืช หรือสารพิษต่างๆ

2.FedEx

สามารถส่งสินค้าอันตรายได้ แต่ก็มีสินค้าอันตรายบางรายการที่ไม่สามารถส่งได้ ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

 

สินค้าอันตรายไม่ต้องห้าม

ประเภท 1: วัตถุระเบิด (เช่น ดอกไม้ไฟหรือพลุ)

ประเภท 2.1: ก๊าซที่ติดไฟได้ (เช่น กระป๋องสเปรย์หรือก๊าซกระป๋อง)

ประเภท 2.2: ก๊าซที่ไม่ติดไฟ/ไม่มีสารพิษ (เช่น ออกซิเจนบรรจุภาชนะ)

ประเภท 2.3: ก๊าซพิษ (เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์)

 

FedEx จะไม่รับจัดส่งสินค้า ดังนี้ 

ประเภท 3: ของเหลวไวไฟ (เช่น ตัวทำละลายหรือสี)

ประเภท 4.1: ของแข็งที่ติดไฟได้ (เช่น ไม้ขีดไฟ)

ประเภท 4.2: สารที่ลุกไหม้ได้เอง (เช่น ฟอสฟอรัส)

ประเภท 4.3: สารที่เมื่อสัมผัสกับน้ำแล้วทำให้เกิดก๊าซที่ติดไฟได้ (เช่น แคลเซียมคาร์ไบด์)

ประเภท 5.1: ตัวออกซิไดซ์ (เช่น ปุ๋ย)

ประเภท 5.2: เปอร์ออกไซด์ชีวภาพ (เช่น ชุดซ่อมไฟเบอร์กลาส)

ประเภท 8: สารกัดกร่อน (เช่น น้ำยาฟอกสีหรือน้ำยาทำความสะอาดท่อ)

 

สินค้าอันตรายต้องห้าม | ห้ามส่งอะไรไปต่างประเทศ

ประเภท 6.1: สารพิษ (เช่น ยาฆ่าแมลง)

ประเภท 6.2: สารติดเชื้อ (เช่น ชุดทดสอบเลือดหรือการทดลองทางการแพทย์)

ประเภท 7: วัสดุกัมมันตรังสี (เช่น เครื่องตรวจจับควัน)

 

ยอมรับจัดส่งในบางประเทศเท่านั้น

ประเภท 9: สินค้า สาร และวัตถุอันตรายเบ็ดเตล็ด (เช่น ถุงลมนิรภัย แม่เหล็ก แบตเตอรี่ลิเธียม และน้ำแข็งแห้ง)

 

3.ThailandPost

หลายท่านอาจไม่รู้ว่า ไปรษณีย์ไทย ส่งต่างประเทศ ได้ ThailandPost มีบริการ EMS World เป็นบริการจัดส่งสิ่งของด่วนระหว่างประเทศทางอากาศในรูปแบบเอกสาร และพัสดุ สิ่งของโดยสามารถติดตามสถานะได้ตลอด 24 ชม. ครอบคลุม 95 ประเทศ (106 ปลายทาง) ทั่วโลก  น้ำหนักสูงสุด 30 กิโลกรัม อัตราค่าบริการแบบ Net Price ไม่มีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าภาษีน้ำมัน ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม ฯลฯ และ รวมถึงคิดอัตราค่าบริการตามน้ำหนัก (Weight) เท่านั้น (ไม่มีการคิดราคาตาม Dimension หรือขนาด)

 

สินค้าต้องห้าม (สินค้าที่ไม่อนุญาตให้จัดส่ง) | ของ ห้าม ส่งทางไปรษณีย์ ต่างประเทศ

  • วัตถุมีคม ที่ไม่มีเครื่องหุ้มห่อป้องกันพอ
  • สัตว์มีชีวิต
  • สิ่งโสโครก
  • สิ่งมีพิษ หรือสิ่งของที่มีสภาพอันน่าจะก่อให้เกิดอันตราย 
  • สิ่งเสพติดและวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทที่คณะกรรมการควบคุม สิ่งเสพติดระหว่างประเทศกำหนด หรือยาอื่น ๆ ที่ผิดกฎหมายหรือไม่ได้รับอนุญาตและถือเป็นสิ่งของต้องห้ามในประเทศปลายทาง
  • สิ่งลามกอนาจารหรือผิดศีลธรรม
  • สิ่งของปลอมแปลงหรือลอกเลียนแบบโดยละเมิดลิขสิทธิ์
  • ธนบัตร
  • สิ่งของอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งของต้องห้ามนำเข้าหรือเผยแพร่ในประเทศ ปลายทาง
  • เอกสารซึ่งมีลักษณะเป็นข่าวสารส่วนตัวซึ่งแลกเปลี่ยนระหว่างบุคคลอื่น ที่นอกเหนือไปจากผู้ฝากส่งและผู้รับ หรือบุคคลที่อาศัยอยู่กับผู้ฝากส่ง และผู้รับ
  • วัตถุไวไฟ หรือสินค้าอันตรายอื่นๆ
  • อุปกรณ์ระเบิดที่ไม่มีแรงระเบิดและอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหาร รวมทั้ง ระเบิดมือที่ไม่มีแรงระเบิด ปลอกกระสุนที่ไม่มีแรงระเบิดและสิ่งเทียม หรือสิ่งที่คล้ายคลึงกัน

 

ของห้ามส่งไปรษณีย์ นอกจากนี้ การฝากส่งสิ่งของเข้าสู่เส้นทางไปรษณีย์ทางอากาศยังมีรายชื่อสิ่งของต้องห้ามตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศเพิ่มเติมอีก 4 ชนิดดังนี้

  1. สารออกซิไดซ์และออร์แกนิกเปอร์ออกไซด์
  2. ก๊าซหรือกระป๋องสเปรย์
  3. สารกัดกร่อน
  4. วัตถุและสารต้องห้ามในการขนส่งทางอากาศ อาทิ แบตเตอรี่ และอุปกรณ์ที่มีการติดตั้งแบตเตอรี่ โดยหากมีการตรวจพบการฝ่าฝืน จะมีโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 80,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

4. Flash Express 

มีบริการส่งไปประเทศลาว โดย ผู้ส่งต้องระบุชื่อผู้รับนำหน้าด้วย “LA” ที่อยู่ผู้รับ ระยะเวลาในการขนส่ง 5 – 6 วัน ทำการ

“ผู้ส่งพัสดุต้นทาง” เป็นผู้ชำระค่าบริการส่งพัสดุภายในประเทศไทย  และ “ผู้รับพัสดุปลายทาง” เป็นผู้ชำระค่าบริการส่งพัสดุระหว่างประเทศ จนถึงปลายทางในประเทศลาว

** ผู้ส่งต้องกรอกรายละเอียดให้ครบถ้วนตามเงื่อนไข และข้อกำหนดของบริการส่งพัสดุไปประเทศลาว *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

สิ่งของห้ามส่งแฟลช Flash Express มีอะไรบ้าง?

  •  สินค้าที่ แฟลช เอ็กซ์เพรสเห็นว่าไม่สมควรในการจัดส่งหรือพัสดุที่ไม่ได้มาตรฐานตามที่บริษัทกำหนด
  • อาวุธทุกชนิด
  • สื่อสิ่งพิมพ์ที่ผิดกฎหมาย ลามกอนาจารหรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติและสังคม
  • วัตถุไวไฟและวัตถุระเบิดทุกชนิด
  • สารชีวเคมี
  • ภาชนะที่บรรจุส่วนประกอบของสารกัมมันตรังสี
  • สารเคมีที่มีพิษสูง
  • ยาเสพติดหรือสิ่งเสพติดทุกชนิด
  • ผลิตภัณฑ์ชีวเคมีประเภทต่างๆและวัตถุที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดและติดเชื้อ
  • สัตว์ สิ่งมีชีวิต ร่างกายมนุษย์
  • สินค้าที่ผิดกฎหมายและไม่เป็นไปตามข้อบังคับทางกฎหมายของประเทศ
  • เอกสารทั้งหมด รวมทั้งเอกสารทั่วไปและเอกสารต่าง ๆ ที่ทางราชการออกให้ เช่น บัตรประจำตัวประชาชน ใบขับขี่เป็นต้น
  • เอกสารที่เกี่ยวกับสถาบันการเงิน
  • สินค้าที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ สิ่งของที่มีมูลค่าทางจิตใจ หรือสินค้าที่ไม่สามารถทดแทนได้
  • อุปกรณ์การเรียนทางการแพทย์

สินค้าอัตราย ที่ห้ามส่ง 

  •  สิ่งเสพติดและยาที่เป็นอันตรายทุกประเภท     
  • สินค้าผิดกฎหมายหรือต้องห้ามตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง    
  • สินค้าอันตรายรวมถึงสินค้าเสี่ยงอันตรายหรือเป็นพิษ วัตถุระเบิด อาวุธหรือปืน    
  • ก๊าซหรือกระป๋องสเปรย์ และวัตถุไวไฟทุกชนิด     
  • ก๊าซทุกชนิด    
  • วัตถุไวไฟทุกชนิด    
  • สารพิษทุกชนิดที่ไม่ไวไฟ    
  • แก๊สพิษทุกชนิด    
  • วัสดุกัมมันตรังสี     
  • สารกัดกร่อน    
  • สินค้าที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายทุกชนิด   

5.Kerry

เปิดบริการส่งของข้ามประเทศ ครอบคลุมจีน และอีกกว่า 45 ประเทศทั่วโลก

ของห้ามส่ง kerry รายการต่อไปนี้ถือว่าเป็นพัสดุต้องห้ามและลูกค้าตกลงที่จะไม่ส่งสินค้าใด ๆ ต่อไปนี้เป็นพัสดุ

  • สินค้าผิดกฎหมายหรือต้องห้ามตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
  • สินค้าอันตรายรวมถึงสินค้าเสี่ยงอันตรายหรือเป็นพิษ วัตถุระเบิด อาวุธหรือปืน
  • แบตเตอรี่รถทุกชนิดประเภทใช้งานแล้ว
  • ยาสูบทุกชนิด บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ตราสารเงิน และตราสารเทียบเท่าเงินสด เช่น หุ้นและพันธบัตร
  • บัตรเครดิต บัตรเดบิตหรือบัตรเงินสด
  • เอกสารส่วนบุคคลที่ออกโดยหน่วยงานรัฐบาล เช่น บัตรประชาชน หนังสือเดินทาง ใบขับขี่ เป็นต้น
  • จดหมาย และไปรษณียบัตร ทุกชนิด
  • ทองแท่ง โลหะหรือหินมีค่า/กึ่งมีค่า
  • ของสะสม เช่น โบราณวัตถุ งานศิลป์
  • สัตว์ที่มีชีวิต
  • ซากมนุษย์หรือสัตว์ ชิ้นส่วนของร่างกายหรืออวัยวะ
  • การจัดส่งโดยไม่บรรจุหีบห่อที่เหมาะสมหรือเพียงพอ
  • พัสดุที่อาจทำให้เกิดความล่าช้าหรือความเสียหายแก่พัสดุ อุปกรณ์หรือบุคคลอื่น
  • พัสดุที่มีผลรวมของความยาวความกว้างและความสูงมากกว่า 280 ซม. หรือหนักเกิน 30 กิโลกรัม 
  • พัสดุที่ต้องการให้เราได้รับใบอนุญาตพิเศษหรือใบอนุญาตสำหรับการขนส่ง การนำเข้าหรือส่งออก

6. SME SHIPPING | ห้ามส่งอะไรไปต่างประเทศ

สินค้าต้องห้ามสำหรับการจัดส่งสินค้าไปต่างประเทศ ได้แก่ สินค้าที่ไม่รับขนส่ง ไม่ว่ากรณีใดทั้งสิ้น ได้แก่

  • สิ่งของที่ไม่รับส่งออก อาหารสด อาหารที่มีน้ำประกอบ อาหารที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ
  • สารเคมีทุกชนิด
  • ภาษีอากรแสตมป์ ต่างๆ
  • เงินสดและสิ่งต่างๆที่ สามารถทดแทนเงินสดได้ เช่น เช็ค ธนบัตร หรือตราสารหนี้
  • อาวุธปืนที่ประกอบเป็นชิ้นสมบูรณ์แล้ว รวมถึงกระสุน และอาวุธทุกชนิด
  • ชิ้นส่วนมนุษย์ รวมถึงเถ้าอัฐิ
  • สินค้าละเมิด ลิขสิทธิ์ สินค้าปลอมหรือลอกเลียนแบบเครื่องหมายการค้า
  • ยา และสิ่งเสพติดผิดกฎหมาย

 

จากข้อมูลทั้งหมดที่ SME SHIPPING ได้รวบรวมมานั่น ห้ามส่งอะไรไปต่างประเทศ แต่ละขนส่งก็มีของต้องห้ามที่คล้ายคลึงกัน ทั้งนี้ก่อนส่งของไปต่างประเทศ แนะนำเช็คดูก่อนว่าของที่เราจะส่งเป็นของต้องห้ามหรือเปล่า ?  หรือถ้าไม่แน่ใจว่าอยู่ในหมวดของห้ามส่ง สามารถปรึกษา เจ้าหน้าที่ SME SHIPPING ได้ตลอด เราพร้อมบริการ เพื่อให้ลูกค้าส่งของไปต่างประเทศได้ง่าย ไร้กังวล รวดเร็ว และส่งถึงอย่างแน่นอน

 

 

SME Shipping ส่งง่าย ให้เราช่วย มีบริการขนส่งไปต่างประเทศ ส่งง่าย ดูแลถึงปลายทาง

เรื่องขนส่งปรึกษาเรา เราพร้อมมอบความสะดวกสบายให้กับคุณ

สอบถามเพิ่มเติม  เงื่อนไขการส่ง สินค้ามูลค่าสูง LINE : @shipping

กลับสู่หน้าหลัก   jum-jim.com