ตู้ล็อคเกอร์ Lucky
ตู้ล็อคเกอร์ Lucky หลายแบบหลายสไตล์

ตู้ล็อคเกอร์ Lucky

 

ตู้ล็อคเกอร์ luckyตู้ล็อคเกอร์ ที่ไอคอนิคเฟอร์นิเจอร์มีให้คุณเลือกมากกว่า 10 รูปแบบ ทั้งแบบทรงเตี้ย และทรงสูง ตั้งแต่ ตู้ล็อคเกอร์เหล็ก 3 ประตู จนถึง ตู้ล็อคเกอร์ 33 ช่อง ให้ลูกค้าได้เลือกตอบกับโจทย์การใช้งาน ทั้งนี้โครงตู้ผลิตจากเหล็กมาตรฐาน SPCC อบความร้อนสูงป้องกันสนิม และราวแขวนภายในตู้รองรับน้ำหนักได้ดี ระบบกุญแจล็อคผลิตด้วยมาตรฐานสากลด้วยระบบ 2,000 รหัสไม่ซ้ำกัน สินค้าพร้อมจัดส่งทั่วประเทศ

 

เป็นตู้ที่ไว้เก็บของและล็อคได้เพื่อป้องกันความปลอดภัยของสัมภาระต่างๆ ขนาดของตู้ก็จะมีหลากหลายขนาด จำนวนล็อคก็จะมีให้เลือกตามความต้องการของลูกค้า ตู้ล็อคเกอร์มีความสำคัญต่อหน่วยงานต่างๆ เพื่อใช้ในการเก็บเอกสารและสัมภาระต่างๆ มั่นใจได้เลยไม่มีการใช้งานสลับตู้อย่างแน่นอน สะดวก ปลอดภัยทุกการจัดเก็บเอกสารสำคัญภายในบริษัท ออฟฟิศ สำนักงาน

 

ตู้ล็อคเกอร์โล่งเตี้ย 9 ช่อง รุ่น LK-TL9

฿3,010.00

  • ขนาด กว้าง 91.5 ลึก 45.7 สูง 96 ซม.
  • ตู้เตี้ยโล่งผลิตจากเหล็กแผ่นรีดเย็น SPCC CRI-S
  • เหล็กทั้งหมดผ่านการทำความสะอาดผิวงาน ล้างไขมันและเคลือบผิวป้องกันสนิม
  • เพิ่มการยึดเกาะด้วยการเคลือบ ZINC PHOSPHATE ด้วยระบบพ่นสี EPOXY
  • มี 3 สี ให้เลือก ได้แก่ สีขาวมุก, สีครีม และ สีเทาราชการ
  • จัดส่งฟรีกรุงเทพและปริมณฑล ราคาดังกล่าวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มเรียบร้อย
  • หากซื้อสินค้าชิ้นใดก็ได้ จำนวน 2 ชิ้นขึ้นไป สามารถติดต่อทีมงานเพื่อสอบถามส่วนลดพิเศษ

 

ตู้ล็อคเกอร์โล่ง 18 ช่อง รุ่น LK-L18

฿5,190.00

  • ขนาด กว้าง 91.5 ลึก 45.7 สูง 183 ซม.
  • ตู้ผลิตจากเหล็กแผ่นรีดเย็น SPCC CRI-S
  • เหล็กทั้งหมดผ่านการทำความสะอาดผิวงาน ล้างไขมันและเคลือบผิวป้องกันสนิม
  • เพิ่มการยึดเกาะด้วยการเคลือบ ZINC PHOSPHATE ด้วยระบบพ่นสี EPOXY
  • มี 3 สี ให้เลือก ได้แก่ สีขาวมุก, สีครีม และ สีเทาราชการ
  • จัดส่งฟรีกรุงเทพและปริมณฑล ราคาดังกล่าวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มเรียบร้อย
  • หากซื้อสินค้าชิ้นใดก็ได้ จำนวน 2 ชิ้นขึ้นไป สามารถติดต่อทีมงานเพื่อสอบถามส่วนลดพิเศษ

 

ตู้ล็อคเกอร์ 3 ประตู รุ่น LK-H3

฿5,640.00

  • ขนาด กว้าง 91.5 ลึก 45.7 สูง 183 ซม.
  • ตู้ล็อคเกอร์ 3 ประตู ผลิตจากเหล็กแผ่นรีดเย็น SPCC CRI-S
  • เหล็กทั้งหมดผ่านการทำความสะอาดผิวงาน ล้างไขมันและเคลือบผิวป้องกันสนิม
  • เพิ่มการยึดเกาะด้วยการเคลือบ ZINC PHOSPHATE ด้วยระบบพ่นสี EPOXY
  • มี 9 สี ให้เลือก ได้แก่ สีขาวมุก, สีเขียว, สีส้ม, สีน้ำเงิน, สีม่วง, สีีฟ้า, สีเทาสลับ, สีครีม และ สีเทาราชการ
  • จัดส่งฟรีกรุงเทพและปริมณฑล ราคาดังกล่าวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มเรียบร้อย
  • หากซื้อสินค้าชิ้นใดก็ได้ จำนวน 2 ชิ้นขึ้นไป สามารถติดต่อทีมงานเพื่อสอบถามส่วนลดพิเศษ

 

ตู้ล็อคเกอร์ 6 ช่อง รุ่น LK-6

฿5,990.00

  • ขนาด กว้าง 91.5 ลึก 45.7 สูง 183 ซม.
  • ตู้ล็อคเกอร์ 6 ช่อง ผลิตจากเหล็กแผ่นรีดเย็นมาตรฐาน SPCC CRI-S
  • เหล็กที่ใช้ผลิต ตู้ล็อคเกอร์ 6 ช่อง ทั้งหมดผ่านการทำความสะอาดผิวงาน ล้างไขมันและเคลือบผิวป้องกันสนิม
  • เพิ่มการยึดเกาะด้วยการเคลือบ ZINC PHOSPHATE ด้วยระบบพ่นสี EPOXY
  • มี 9 สี ให้เลือก ได้แก่ สีขาวมุก, สีเขียว, สีส้ม, สีน้ำเงิน, สีม่วง, สีีฟ้า, สีเทาสลับ, สีครีม และ สีเทาราชการ
  • จัดส่งฟรีกรุงเทพและปริมณฑล ราคาดังกล่าวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มเรียบร้อย
  • หากซื้อสินค้าชิ้นใดก็ได้ จำนวน 2 ชิ้นขึ้นไป สามารถติดต่อทีมงานเพื่อสอบถามส่วนลดพิเศษ

ตู้ล็อคเกอร์ 9 ช่อง รุ่น LK-9

฿6,390.00

  • ตู้ล็อคเกอร์ 9 ช่อง ขนาด กว้าง 91.5 ลึก 45.7 สูง 183 ซม.
  • ตู้ล็อคเกอร์ 9 ช่อง ผลิตจากเหล็กแผ่นรีดเย็น SPCC CRI-S
  • เหล็กทั้งหมดผ่านการทำความสะอาดผิวงาน ล้างไขมันและเคลือบผิวป้องกันสนิม
  • เพิ่มการยึดเกาะด้วยการเคลือบ ZINC PHOSPHATE ด้วยระบบพ่นสี EPOXY
  • มี 9 สี ให้เลือก ได้แก่ สีขาวมุก, สีเขียว, สีส้ม, สีน้ำเงิน, สีม่วง, สีฟ้า, สีเทาสลับ, สีครีม และ สีเทาราชการ
  • จัดส่งฟรีกรุงเทพและปริมณฑล ราคาดังกล่าวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มเรียบร้อย
  • หากซื้อสินค้าชิ้นใดก็ได้ จำนวน 2 ชิ้นขึ้นไป สามารถติดต่อทีมงานเพื่อสอบถามส่วนลดพิเศษ

 

ตู้ล็อคเกอร์ 12 ช่อง รุ่น LK-12

฿6,590.00

  • ตู้ล็อคเกอร์ 12 ช่อง ขนาด กว้าง 91.5 ลึก 45.7 สูง 183 ซม.
  • ตู้ล็อคเกอร์ 12 ช่อง ผลิตจากเหล็กแผ่นรีดเย็น SPCC CRI-S
  • เหล็กทั้งหมดผ่านการทำความสะอาดผิวงาน ล้างไขมันและเคลือบผิวป้องกันสนิม
  • เพิ่มการยึดเกาะด้วยการเคลือบ ZINC PHOSPHATE ด้วยระบบพ่นสี EPOXY
  • มี 9 สี ให้เลือก ได้แก่ สีขาวมุก, สีเขียว, สีส้ม, สีน้ำเงิน, สีม่วง, สีีฟ้า, สีเทาสลับ, สีครีม และ สีเทาราชการ
  • จัดส่งฟรีกรุงเทพและปริมณฑล ราคาดังกล่าวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มเรียบร้อย
  • หากซื้อสินค้าชิ้นใดก็ได้ จำนวน 2 ชิ้นขึ้นไป สามารถติดต่อทีมงานเพื่อสอบถามส่วนลดพิเศษ

 

ตู้ล็อคเกอร์ 15 ช่อง รุ่น LK-15

฿6,990.00

  • ตู้ล็อคเกอร์ 15 ช่อง ขนาด กว้าง 91.5 ลึก 45.7 สูง 183 ซม.
  • ตู้ล็อคเกอร์ 15 ช่อง ผลิตจากเหล็กแผ่นรีดเย็น SPCC CRI-S
  • เหล็กทั้งหมดผ่านการทำความสะอาดผิวงาน ล้างไขมันและเคลือบผิวป้องกันสนิม
  • เพิ่มการยึดเกาะด้วยการเคลือบ ZINC PHOSPHATE ด้วยระบบพ่นสี EPOXY
  • มี 9 สี ให้เลือก ได้แก่ สีขาวมุก, สีเขียว, สีส้ม, สีน้ำเงิน, สีม่วง, สีฟ้า, สีเทาสลับ, สีครีม และ สีเทาราชการ
  • จัดส่งฟรีกรุงเทพและปริมณฑล ราคาดังกล่าวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มเรียบร้อย
  • หากซื้อสินค้าชิ้นใดก็ได้ จำนวน 2 ชิ้นขึ้นไป สามารถติดต่อทีมงานเพื่อสอบถามส่วนลดพิเศษ

 

ตู้ล็อคเกอร์ 18 ช่อง รุ่น LK-18

฿7,340.00

  • ตู้ล็อคเกอร์ 18 ช่อง ขนาด กว้าง 91.5 ลึก 45.7 สูง 183 ซม.
  • ตู้ล็อคเกอร์ 18 ช่อง ผลิตจากเหล็กแผ่นรีดเย็น SPCC CRI-S
  • เหล็กทั้งหมดผ่านการทำความสะอาดผิวงาน ล้างไขมันและเคลือบผิวป้องกันสนิม
  • เพิ่มการยึดเกาะด้วยการเคลือบ ZINC PHOSPHATE ด้วยระบบพ่นสี EPOXY
  • มี 9 สี ให้เลือก ได้แก่ สีขาวมุก, สีเขียว, สีส้ม, สีน้ำเงิน, สีม่วง, สีฟ้า, สีเทาสลับ, สีครีม และ สีเทาราชการ
  • จัดส่งฟรีกรุงเทพและปริมณฑล ราคาดังกล่าวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มเรียบร้อย
  • หากซื้อสินค้าชิ้นใดก็ได้ จำนวน 2 ชิ้นขึ้นไป สามารถติดต่อทีมงานเพื่อสอบถามส่วนลดพิเศษ

 

 

มั่นใจในคุณภาพกับเรา ไอคอนิคเฟอร์นิเจอร์

 

บริษัท ไอคอนิคเฟอร์นิเจอร์ จำกัดเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์มากกว่า 30 ปีในวงการเฟอร์นิเจอร์ ทำให้มีสินค้ามากมาย และหลากหลายประเภทเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น เก้าอี้สำนักงาน โต๊ะเอนกประสงค์ โต๊ะทำงาน ตู้เอกสาร และในปัจจุบันไอคอนิค เฟอร์นิเจอร์ยังได้ขยายประเภทสินค้า เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าอันได้แก่ เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน และเฟอร์นิเจอร์ห้องนอน

 

กว่า 30 ปี ในธุรกิจเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน เรามีจุดยืนที่ชัดเจน และให้ความสำคัญกับความแข็งแรงและทนทานของสินค้า ดังนั้น เราจึงเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ และคุณสมบัติที่สูงกว่าท้องตลาดทั่วไป เราจึงกล้ารับประกันสินค้าจากไอคอนิคเฟอร์นิเจอร์ว่าใช้งานได้จริง และมีความทนทานต่อการใช้งานของลูกค้าในชีวิตประจำวัน

 

จัดส่งฟรี กทม.และปริมณฑล

บริการจัดส่งภายใน 7-10 วัน*

 

99% ของลูกค้าพึงพอใจในสินค้าและบริการ 

จากประสบการณ์ งานขายที่เราผ่านมาทั้งหมด เราพบว่า 99% ของลูกค้าเราทั้งหมด พึงพอใจในสินค้าและการบริการของเรา 

 

ทีมงานประสบการณ์มากกว่า 30 ปี 

บริหารด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์ในวงการเฟอร์นิเจอร์สำนักงานมากกว่า 30 ปี

 

ราคาที่ “ใช่”

ไอคอนิคเฟอร์นิเจอร์ เป็นผู้ผลิตโดยตรง จึงทำให้คุณพบราคาที่ “ใช่” มากกว่าที่อื่น

 

ติดต่อสั่งซื้อสินค้าได้ที่

 

บริษัท ไอคอนิค เฟอร์นิเจอร์ จำกัด

14/8 หมู่ 5 ถ.บ้านกล้วย-ไทรน้อย

ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี 11110

โทร. 02-9234794, 02-9234796

โทรสาร 02-9234795

E-Mail : admin@iconic-office.com

หรือ Line ID: @iconic-office

รีเทนเนอร์
จัดฟันด้วยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง Halo dental clinic

จัดฟันด้วยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง Halo dental clinic

 

ฟันสวยทำให้บุคลิกของคนเราดูดีขึ้น กล้าที่จะยิ้มเห็นฟันมากขึ้น โดยปกติฟันของคนเรามักจะแตกต่างกันไปแต่ละบุคคล รวมถึงมีปัญหาด้านสุขภาพฟันก็เช่นกัน หลายคนประสบกับปัญหา ฟันไม่สวย ฟันหน้ายื่น ฟันซ้อน ฟันเก ฟันล่างคร่อมฟันบน การสบฟันที่ไม่ดี โดยปัญหาเหล่านี้มักเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ยิ้มไม่มั่นใจ ส่งผลให้มีบุคลิกภาพที่ไม่ดี การจัดฟัน จึงเป็นการรักษาและแก้ไขปัญหาการเรียงตัวของฟันที่สบกันผิดปกติ เรียงตัวไม่เป็นระเบียบ และไม่สวยงาม ให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องและสวยงาม 

 

การจัดฟัน หรือ Orthodontics ประกอบไปด้วยรากศัพท์ภาษากรีก 2 คำ คือ Orthos ซึ่งแปลว่า แก้ไข/ให้ตรง ส่วน Dontics แปลว่า ฟัน การจัดฟันเป็นทันตกรรมเฉพาะทางแขนงหนึ่ง ที่มุ่งเน้น การวินิจฉัย การป้องกัน และการแก้ไขฟันที่เรียงตัวผิดปกติ รวมถึงปัญหาอื่นๆ เช่น การสบฟัน ตำแหน่งและขนาดของกระดูกขากรรไกร

 

การจัดฟันมีจุดประสงค์เพื่อการบดเคี้ยวที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดฟันสึก รวมทั้งยังทำให้คุณสามารถทำความสะอาดช่องปากได้ดีขึ้น ทำให้ลดโอกาสในการเกิดโรคทางทันตกรรมอื่นๆ และแน่นอนว่ายังช่วยให้คุณมีรอยยิ้มที่สวยงาม ส่งเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจให้กับคุณได้

 

การจัดฟันมีกี่แบบ

การจัดฟันสามารถแบ่งได้ 2 ประเภทหลัก ดังนี้

 

  1. การจัดฟันแบบติดเครื่องมือ ได้แก่ ติดเครื่องมือแบบใช้ยาง O-ring เช่น การจัดฟันแบบโลหะ การจัดฟันแบบเซรามิก และการติดเครื่องมือแบบไม่ใช้ยาง (Self-ligating) เช่น การจัดฟันแบบดามอน (Damon)
  2. การจัดฟันแบบไม่ติดเครื่องมือ เช่น จัดฟันใส Invisalign หรือ ดี-aligner

 

การเรียนรู้ข้อดีข้อเสียของการจัดฟันในแต่ะละชนิด จะทำให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกวิธีการจัดฟันที่เหมาะสมกับ lifestyle และงบประมาณของคุณ วันนี้เรามาเรียนรู้การจัดฟัน ในแต่ละประเภทกันดีกว่า

 

1. จัดฟันแบบโลหะ

คลินิกจัดฟันที่ราคาถูกที่สุด โปรจัดฟันเพียบ คุณหมอมีตัวช่วยเยอะเหมาะกับเคสซับซ้อน สนุกกับการเลือกเปลี่ยนสียางโอริงได้ทุกเดือน การจัดฟันแบบโลหะ หรือ การจัดฟันแบบเหล็ก (Metal Bracket) เป็นวิธีดั้งเดิมที่พวกเราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี คนไข้สามารถเข้าถึงการรักษาได้ง่าย แบบสบายกระเป๋า

 

ข้อดีอีกอย่างของจัดฟันแบบโลหะธรรมดา คือ เหมาะสำหรับเคสที่ยากหรือซับซ้อน เนื่องจากคุณหมอสามารถควบคุม และปรับเปลี่ยนวิธีการเคลื่อนฟันของคุณในยังตำแหน่งที่ต้องการได้ง่าย และยืดหยุ่นกว่า นอกจากนี้คุณหมอยังสามารถเลือกใช้อุปกรณ์เสริม หรือการรักษาอื่นๆ เช่น การปักหมุดจัดฟัน, การดึงยาง มาเป็นตัวช่วยได้อีกด้วย

 

2. จัดฟันแบบเซรามิก

เหมือนแบบโลหะ แต่ Bracket สีใส เหมาะกับเคสซับซ้อน ที่ต้องการบุคลิกภาพที่ดีตลอดเวลา

การจัดฟันแบบเซรามิก คือ การจัดฟันที่มีวิธีการเคลื่อนตำแหน่งฟันเหมือนกับการจัดฟันแบบโลหะ แต่เปลี่ยนเครื่องมือจัดฟัน (Bracket) โลหะ ให้เป็นเซรามิกใส ซึ่งสังเกตได้ยากเพราะมีสีคล้ายกับฟันธรรมชาติ ดูสวยงามกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาชีพ หรือความต้องการที่จะคงบุคลิกภาพที่ดี ดูเป็นมืออาชีพอยู่ตลอดเวลา 

 

อย่างไรก็ตาม ฟันที่เรียงตัวผิดปกติเยอะ เป็นเคสยาก และต้องอาศัยการออกแรงดึงฟันที่ซับซ้อน รวมทั้งอาจต้องใช้อุปกรณ์จัดฟันอื่นๆ มาช่วยเคลื่อนฟันเพิ่มเติม

 

 ข้อดีอีกอย่างนอกจากความสวยงามคืออุปกรณ์จัดฟันที่เป็นเซรามิกจะมีความเรียบ และโค้งมนกว่าแบบโลหะ ลดโอกาสไปเกี่ยวกระพุ้งแก้มเป็นแผลร้อนในได้

 

3. จัดฟันแบบดามอน

ใช้ตัวล๊อคแบบพิเศษ ไม่ต้องมีโอริง เจ็บน้อยกว่า จัดฟันเสร็จเร็วกว่า จัดฟัน damon หรือ จัดฟันแบบดามอนคือ รูปแบบหนึ่งของการจัดฟันชนิดที่เรียกว่า ‘Self-Ligating Braces’ โดยคุณหมอจะไม่ใช้โอริง (o-ring) ในการยึดลวดเข้ากับอุปกรณ์จัดฟันโลหะ (Metal Bracket) ที่ติดอยู่กับฟัน แต่จะใช้ Bracket แบบพิเศษซึ่งมีตัวล๊อคเปิดปิดได้เป็นตัวยึดลวดจัดฟัน

 

ข้อได้เปรียบของการจัดฟันแบบดามอนคือ ลวดจัดฟันจะสามารถเคลื่อนที่ซ้ายขวาได้อย่างอิสระ ไม่ถูกยึดอยู่กับที่ด้วยโอริง แรงที่กระทำต่อฟันจะคงที่ตลอดเวลา ทำให้เจ็บน้อยกว่า เคลื่อนฟันได้นุ่มนวล รักษาความสะอาดได้ง่ายกว่า โอกาสที่เศษอาหารติดก็จะลดลง ทำให้จัดฟันเสร็จไวกว่า และไม่ต้องเสียเวลามาพบคุณหมอบ่อยๆ

 

4.จัดฟันแบบใส

มองไม่เห็นเครื่องมือจัดฟัน ดูเป็นผู้ใหญ่ คงลุคมืออาชีพอยู่ตลอด สามารถถอดได้ แปรงฟันง่าย รับประทานอาหารสะดวก ไม่ต้องมาพบคุณหมอบ่อยๆ มีโปรจัดฟันใส ราคาไม่ได้แพงเหมือนแต่ก่อน

 

หากคุณไม่อยากให้ใครสังเกตเห็นว่าคุณกำลังจัดฟันอยู่ และการมี Bracket ติดอยู่ที่ฟันนั้นเป็นอุปสรรคต่อหน้าที่การงาน หรือคุณต้องการลุคที่ดูเป๊ะ เป็นมืออาชีพอยู่ตลอดเวลา การจัดฟันแบบใส หรือดัดฟันใส เป็นคำตอบของคุณ การที่สามารถถอดออกได้ ทำให้คุณสามารถรับประทานอาหารได้สะดวก และง่ายต่อการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันด้วย

 

การจัดฟันแบบใสในปัจจุบันมีหลากหลายแบรนด์ให้เลือก ได้แก่

 

  • Invisalign – เป็นยี่ห้อจัดฟันใสจากอเมริกา มีจำนวนคนไข้ถึง 12 ล้านคน รวมทั้งเปิดให้บริการมายาวนานถึง 25 ปี  Invisalign ถือเป็น Gold Standard ในการจัดฟันใส ทำให้มีราคาที่ค่อนข้างสูง invisalign ราคาเริ่มต้นที่ที่ 69,000 บ. ซึ่งจำกัดระยะเวลารักษาที่ 6 เดือน เคลื่อนฟันได้ถึงฟันกรามน้อยเท่านั้น และราคาจะแพงขึ้นตามความยากของเคสและเวลาที่ต้องใช้ในการจัดฟันใส

 

  • จัดฟันใส d-aligner เป็นแบรนด์จัดฟันใสแบบใหม่ ซึ่งมีราคาถูกกว่า ใช้เทคโนโลยีจัดฟัน และวางแผนจากอเมริกาเช่นกัน แต่คลินิกสามารถใช้เทคโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัย ผลิตชิ้นงานขึ้นมาได้เอง ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย และทำให้คุณเข้าถึงการจัดฟันใสได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีคุณหมอประจำตัวคอยดูแล และให้คำปรึกษากับคุณจนจัดฟันเสร็จ

 

  • จัดฟันใสยี่ห้ออื่นๆ ปัจจุบันมีแบรนด์จัดฟันใสอื่นๆ เข้ามาเป็นตัวเลือกเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น Zenyum, BeforeDent, Clear Correct ฯลฯ

 

ใครบ้างที่ต้องใช้รีเทนเนอร์

อย่างที่กล่าวมา รีเทนเนอร์เป็นเครื่องมือสำหรับคนไข้ที่ผ่านการจัดฟันมาเรียบร้อยเเล้ว ถอดเครื่องมือจัดฟันเรียบร้อยเเล้ว ใส่ รีเทนเนอร์ เพื่อคงสภาพฟันที่เรียงตัวสวยงามเป็นระเบียบไว้ 

หลายคนมีคำถามว่าคนปกติทั่วไปที่ไม่ได้จัดฟันจะใส่รีเทนเนอร์ได้หรือไม่ คุณหมอต้องชี้แจงว่า ในคนทั่วไปนั้นไม่มีข้อบ่งชี้ในการใช้รีเทนเนอร์ การใส่รีเทนเนอร์โดยที่ยังไม่ได้จัดฟัน หรือใส่รีเทนเนอร์ในผู้ที่มีฟันซ้อนเก อาจทำตัวรีเทนเนอร์แตกหรือหักได้ เพราะฟันยังไม่ได้ถูกจัดเรียงในตำแหน่งที่เหมาะสม

 

รีเทนเนอร์แบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ

  1. รีเทนเนอร์แบบลวด
  2. รีเทนเนอร์แบบใส
  3. รีเทนเนอร์เเบบติดแน่น

 

รีเทนเนอร์แบบลวด

เป็นรีเทนเนอร์แบบถอดได้ (Removable Hawley Wire Retainers) มีตัวฐานทำจากพลาสติกหรืออะคริลิกที่มีรูปร่างพอดีกับเพดานปากเเละตามเเนวฟันล่างด้านในของคนไข้ มีส่วนที่เป็นลวดโลหะบางๆ พาดผ่านด้านนอกของฟันคนไข้ เพื่อรักษาการเรียงตัวของฟัน

 

ข้อดี รีเทนเนอร์แบบลวด

  • ทนทาน มีอายุการใช้งานยาวนานหากดูแลอย่างเหมาะสม
  • ซ่อมแซมได้ เมื่อเสียหาย
  • สามารถปรับแก้ไขได้ หากใส่เเล้วหลวม ไม่กระชับ หรือเเน่นเกินไป
  • คุณหมอช่วยแก้ไขให้พอดีกับคนไข้ได้ โดยไม่ต้องทำใหม่
  • ฟันบนและฟันล่างสัมผัสกับรีเทนเนอร์ประเภทนี้อย่างเป็นธรรมชาติ
  • สามารถออกแบบลาย ให้มีโลโก้หรือสีต่างๆได้ ฯลฯ

 

ข้อเสีย รีเทนเนอร์แบบลวด

  • มองเห็นได้ลวดโลหะได้ชัดเจนกว่ารีเทนเนอร์ประเภทอื่นๆ
  • ฐานพลาสติกครอบคลุมพื้นที่เพดานปากโดยรอบ อาจให้ความรู้สึกรำคาญสำหรับคนไข้บางราย
  • มีผลต่อการพูดของคุณมากกว่ารีเทนเนอร์แบบอื่น ๆ
  • ส่วนที่เป็นลวด อาจทำให้รู้สึกระคายเคืองบริเวณริมฝีปากหรือแก้มในช่วงเเรกๆ

 

รีเทนเนอร์แบบใส

(Removable Clear Plastic Retainers) รีเทนเนอร์ประเภทนี้ทำจากพลาสติกหรือโพลียูรีเทน ขึ้นรูปโดยการถูกทำให้ร้อนและดูดลงไปที่แม่พิมพ์ของฟันคนไข้ รีเทนเนอร์จะให้ความพอดีกับตำแหน่งฟันใหม่

 

ข้อดี รีเทนเนอร์แบบใส

  • มีสีใสแทบจะไม่สังเกตเห็นว่าใสรีเทนเนอร์ ให้ความเป็นธรรมชาติ 
  • ใส่สบายกว่ารีเทนเนอร์เเบบลวด
  • ส่งผลกระทบต่อการพูดน้อยกว่า ของคุณมากกว่ารีเทนเนอร์เเบบลวด

 

ข้อเสีย รีเทนเนอร์แบบใส

  • ไม่สามารถปรับแก้ไขได้ ถ้าคนไข้ละเลยการใส่รีเทนเนอร์ทุกวันจนฟันเคลื่อนจนไม่สามารถใส่ได้ ต้องทำรีเทนเนอร์ใหม่
  • ไม่สามารถซ่อมแซมได้ กรณีที่เสียหาย เช่น มีรอยร้าว แตก 
  • สามารถบิดงอได้หากสัมผัสกับความร้อน เเละมีโอกาสแตกหักได้ง่ายกว่าเเบบลวด
  • มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนสีเมื่อเวลาผ่านไป
  • ฟันบนและล่างไม่สัมผัสกับรีเทนเนอร์ รีเทนเนอร์ประเภทนี้ดักของเหลวที่สะสมตามฟัน ซึ่งอาจทำให้ฟันผุได้

 

รีเทนเนอร์เเบบติดเเน่น

(Permanent Retainers, Bonded Retainers) ตัวรีเทนเนอร์ประกอบด้วยลวดแข็งดัดโค้งเพื่อให้พอดีกับรูปร่างของฟัน ลวดจะถูกยืดไว้บริเวณด้านในของฟันหน้าของคนไข้ เพื่อป้องกันไม่ให้ฟันเคลื่อนที่ คนไข้จะไม่สามารถถอดออกเองได้ ยกเว้นทันตแพทย์จัดฟันจะเป็นผู้ถอดให้

ทันตแพทย์จัดฟันมักใช้กับฟันล่าง ฟันมีแนวโน้มที่จะกลับมาเป็นซ้ำ หรือคนไข้ที่มีเเนวโน้มไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอในการใช้รีเทนเนอร์แบบถอดได้ เช่น เด็กเล็ก 

 

ระยะเวลาในการใส่รีเทนเนอร์

รีเทนเนอร์ช่วยคงตำแหน่งฟันของคุณคงที่ เพื่อให้แน่ใจว่าการจัดฟันและตำแหน่งการกัดของคุณไม่เปลี่ยนแปลง ทันตแพทย์จัดฟันแนะนำให้คุณใส่รีเทนเนอร์ไว้ตลอดเวลา (ยกเว้นเพียงแค่ตอนรับประทานอาหาร และตอนแปรงฟันเท่านั้น) อย่างน้อย 6 เดือน – 1 ปีแรกหลังจากถอดเครื่องมือจัดฟัน โดยระยะเวลาที่มากหรือน้อย จะขึ้นอยู่กับลักษณะฟันของแต่ละบุคคล ในช่วงปีที่สองเป็นต้นไป คนไข้จะสวมรีเทนเนอร์เฉพาะตอนกลางคืนไปเรื่อยๆ เพื่อรักษารอยยิ้มที่สวยงามไว้

 

วิธีดูเเลรักษารีเทนเนอร์

 

  • วิธีดูแลรักษารีเทนเนอร์แบบลวดเเละเเบบใส มีเทคนิคการดูเเลความสะอาดดังนี้
  1. ทำความสะอาดรีเทนเนอร์ทันที หลักจากถอดออกจากปากในขณะที่ยังเปียกอยู่ วิธีนี้จะช่วยให้ทำความสะอาดเศษอาหารต่างๆ ที่ติดอยู่ออกง่ายขึ้น
  2. แปรงรีเทนเนอร์ของคุณด้วยน้ำอุ่นหลังอาหารแต่ละมื้อ 
  3. ทำความสะอาดด้วยการผสมน้ำอุ่นกับสบู่ หรือนำ้ยาล้างจานอ่อน ๆ โดยใช้แปรงสีฟันขนนุ่มหรือแปรงฟันปลอมค่อยๆขัดคราบจุลินทรีย์และเศษอื่น ๆ ไม่เเนะนำให้ใช้ยาสีฟัน เพราะ สารขัดเคลือบฟันในยาสีฟัน อาจทำให้ผิวของตัวยึดรีเทนเนอร์เป็นรอยได้ 
  4. ในจุดที่ทำความสะอาดได้ยาก เช่น ตามร่องรีเทนเนอร์ ให้ใช้ก้านสำลีเช็ดเบาๆ
  5. ถ้ารีเทนเนอร์มีคราบฝังลึก ปรึกษาทันตแพทย์ของคุณเกี่ยวกับการแช่รีเทนเนอร์ในฟันปลอมหรือน้ำยาทำความสะอาดรีเทนเนอร์ก่อน
  6. ควรเก็บรีเทนเนอร์ใส่กล่องรีเทนเนอร์ให้เรียบร้อย การห่อด้วยผ้าหรือกระดาษทิชชู่ระหว่างรับประทานอาหาร อาจทำให้คนไข้ลืมเผลอทิ้ง หรือทับจนหักงอได้ 

 

  • วิธีดูแลรักษารีเทนเนอร์แบบติดแน่น เนื่องจากรีเทนเนอร์ประเภทนี้ คนไข้ไม่สามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ จึงต้องทำความสะอาดด้วยไหมขัดฟัน ซึ่งมีวิธีการดังนี้
  1. ใช้ไหมขัดฟันร่วมกับเข็มร้อยไหมขัดฟัน (Floss threader) สอดไหมขัดฟันเข้าไประหว่างฟันล่างหน้าสองซี่ของคุณ
  2. ใช้นิ้วมือจับปลายด้านหนึ่งของไหมขัดฟันและอีกข้างที่สนไหม
  3. เมื่อวางไหมขัดฟันใต้ลวดยึดได้แล้ว เลื่อนขึ้นลงระหว่างฟันจนถึงแนวเหงือกอย่างเบามือ
  4. เลื่อนไหมขัดฟันไปด้านข้างไปยังพื้นที่ถัดไปที่จะทำความสะอาด ดึงลงจนอยู่ระหว่างฟันของคุณ
  5. ทำขั้นตอนนี้ซ้ำกับฟันแต่ละซี่ที่ติดกับรีเทนเนอร์เเบบติดเเน่นก็จะช่วยทำความสะอาดซอกฟันได้ดีขึ้น 
  6. เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี ทันตแพทย์จึงแนะนำให้คนไข้ใช้ไหมขัดฟันทุกวัน

 

วิธีดูเเลฟันหลังจัดฟัน ถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ เทียบได้พอๆกับ ขั้นตอนดูเเลช่องปากระหว่างจัดฟัน นั่นเพราะการจัดฟันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการทำให้รูปฟันเข้าที่ เป็นระเบียบ ตามแผนที่คุณหมอได้วางไว้ เนื่องจากการจัดฟันใช้เวลานาน เมื่อจัดฟันเสร็จแล้ว กระบวนการดูแลอย่าางถูกวิธีจึงเป็นเรื่องสำคัญ

 

จัดฟันเสร็จฟันเหลือง วิธีดูเเลฟันหลังจัดฟันให้ฟันไม่เหลือง ไม่มีกลิ่นปาก

หลังจากถอดเหล็กจัดฟัน เป็นธรรมดาที่จะมีรอยคราบเหลือง (ฟันมีสีที่เปลี่ยนไป) หรือ คราบหินปูนที่เห็นได้ชัดเจนบนบริเวณฟัน เนื่องจากการมีเครื่องมือติดอยู่บบนผิวฟันเป็นเวลานาน วิธีแก้ไขก็มีทั้ง

 

  • ขูดหินปูน ทำความสะอาดฟันหลังจัดฟันเสร็จ
  • ใช้ยาสีฟันสูตรขจัดคราบ ( Food Stain ) ที่ผิวฟัน หรือยาสีฟันสูตรสมุนไพรที่มีสาวนผสมของสารขัดฟันตามธรรมชาติ
  • ใช้การฟอกสีฟัน (teeth whitening) ควบคู่กับแปรงฟันด้วยยาสีฟันที่มีส่วนผสมของโพแทสเซียมไนเตรด ประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเคลือบฟันของคุณ
  • ขจัดคราบบนผิวฟัน ด้วยเทคโนโลยีแรงดันน้ำ Airflow แบบถนอมผิวฟัน กำจัดทั้งหินปูนและคราบบนผิวฟัน ให้ฟันขาวได้ ภายใน 15 นาที

 

Halo dental clinic คลินิกทันตกรรมเฮโล ปากเกร็ด จัดฟัน รีเทนเนอร์ ฟอกสีฟัน คุณหมอพร้อมให้คำปรึกษา คุณหมอใจดี มือเบา

 

เทปยิปซั่ม
เทปฉาบยิปซั่ม สำคัญอย่างไร?

เทปฉาบยิปซั่ม สำคัญอย่างไร?

 

ช่างฉาบฝ้ามืออาชีพต่างเห็นตรงกันว่า เทปฉาบยิปซั่ม เป็นส่วนที่สำคัญในระบบเพดานฝ้ายิปซั่ม เทปฉาบยิปซั่มช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะและเสริมแกร่งให้กับรอยต่อ เป็นส่วนที่สำคัญในการป้องกันการแตกร้าว

 

ประเภทของเทปฉาบยิปซั่ม

ในสมัยเริ่มแรกนั้น เทปฉาบมีลักษณะเป็นผ้าเทป คล้ายกับผ้าก๊อซ หรือที่เรียกกันว่าผ้าเทปยิปซั่ม แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีมีความก้าวหน้า มีการพัฒนาผ้าเทปที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมขึ้น

โดยประเภทของเทปฉาบยิปซั่มแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลักๆ

  • เทปฉาบกระดาษ – เป็นชนิดที่ช่างฉาบยิปซั่มทั่วโลกนิยมใช้มากที่สุด
  • เทปฉาบไฟเบอร์กลาส – เป็นเทปฉาบชนิดมีกาว ติดก่อนฉาบ

 

ประโยชน์ของเทปฉาบยิปซั่ม

เทปฉาบเป็นส่วนประกอบที่สำคัญเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับรอยต่อ และป้องกันการแตกร้าวในอนาคต

เทปฉาบยิปซั่มช่วยให้ปูนฉาบยิปซั่มในแนวรอยต่อและบริเวณมุม มีความแข็งแกร่งและยึดเกาะได้ดีมากขึ้น บริเวณรอยต่อและมุมเป็นบริเวณที่แตกร้าวได้ง่ายเมื่อมีการเคลื่อนไหวหรือสั่นสะเทือน

 

ทำไมถึงต้องใช้เทปฉาบยิปซั่มแบบกระดาษ

ช่างฉาบมืออาชีพส่วนใหญ่นิยมใช้เทปกระดาษเพราะคุณสมบัติที่ป้องกันการแตกร้าวได้เป็นอย่างดีและเป็นชนิดที่เสริมแกร่งให้กับรอยต่อได้ดีที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับประเภทอื่น

เทปฉาบยิปซั่มแบบกระดาษที่ดี จะมีปริมาณรูระบายอากาศอย่างพอดี เพื่อป้องกันไม่ให้อากาศติดเป็นฟองอยู่ใต้เทป ช่างฉาบมืออาชีพชอบเทปฉาบที่ฉีกง่าย มีผิวสัมผัสที่สากและขรุขระเล็กน้อยเพื่อช่วยให้ปูนยึดเกาะได้ดี และมีร่องกลางเพื่อให้พับเข้ามุมได้ง่าย

เทปฉาบยิปซั่มสามารถใช้ได้ทั้งสองด้านแต่ด้านที่อยู่ด้านนอกของม้วนจะมีความขรุขระมากกว่ายึดเกาะได้ดีกว่า

เทปฉาบยิปซั่มแบบกระดาษมีความหนาเพียงแค่ (0.2 มิลลิเมตร) ทำให้แทบจะมองไม่เห็นรอยต่อหลังจากฉาบ การขัดกระดาษทรายหลังจากฉาบทำได้ง่ายกว่าและเร็วกว่า

 

ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้บ่อยๆ

  • ใช้ปูนฉาบในปริมาณที่มากหรือน้อยเกินไป อาจทำให้เทปฉาบยิปซั่ม ขยับ ย่น หรือ เกิดฟองอากาศบนพื้นผิว
  • การใช้ปูนฉาบที่น้อยเกินไปสามารถทำให้ปูนแห้งก่อนเวลาได้ในสถานการณ์พิเศษต่างๆ เช่น วันที่อากาศร้อนมาก วันที่ลมแรง
  • เมื่อซ่อมแซมรอยแตกร้าวหรือส่วนที่เทปหลุดออกมา ควรทำการติดเทปใหม่ทั้งแนวรอยต่อ

หากท่านใดสนใจเทปฉาบยิปซั่มแบบกระดาษ คุณภาพดีได้มาตรฐาน ราคาย่อมเยา เราขอแนะนำเทปฉาบยิปซั่มตรานก ยินดีให้คำปรึกษาไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

 

โรงงานที่นอน
วิธีการเลือกที่นอนให้เหมาะกับตัวคุณ

วิธีการเลือกที่นอนให้เหมาะกับตัวคุณ

 

การนอนหลับสนิทตลอดคืนเป็นสิ่งที่ใครๆก็อยากสัมผัส แต่รู้หรือไม่การนอนหลับให้สนิทเกี่ยวข้องกับที่นอนของเราอีกด้วย ที่นอนที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร แล้วที่นอนมีกี่แบบกี่ประเภท วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกันค่ะ

 

เลือกที่นอนแบบไหนดี ที่เหมาะกับคุณ อีกสิ่งที่สำคัญคือประเภทของที่นอน ซึ่งที่นอนที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันนี้มี 4 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ ที่นอนยางพารา ที่นอนสปริง ที่นอนฟองน้ำ และที่นอนใยมะพร้าว ซึ่งแต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติ รวมไปถึงข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป

 

1. ที่นอนยางพารา

ในบรรดาที่นอนทุกชนิดที่นอนยางพารานั้นมีราคาสูงที่สุด แต่ก็มีความคงทน มีอายุการใช้งานที่ยาวนานสูงสุดถึง 20 ปี ที่นอนยางพารา โดยเฉพาะที่เป็นยางพาราแท้ 100% นั้นจะค่อนข้างหนัก แต่ผู้ใช้ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องยกที่นอนเพื่อพลิกสลับด้าน หรือเคลื่อนย้ายที่นอนออกไปตากแดดแต่อย่างใด เนื่องจากคุณสมบัติหนึ่งของที่นอนยางพาราคือการไม่กักเก็บความชื้นและฝุ่นละออง ที่นอนแบบนี้จึงไม่มีกลิ่นอับ เพียงแค่เปิดหน้าต่างให้ห้องมีอากาศถ่ายเทอยู่เป็นประจำก็เพียงพอแล้ว

 

นอกจากนี้ ที่นอนยางพารายังมีคุณสมบัติของความเป็นยางคือมีความยืดหยุ่นค่อนข้างสูง จึงวางใจได้ว่าจะไม่ยุบตัวเป็นแอ่งตรงจุดที่นอน มีความนุ่มพอสมควร ทั้งนี้ ความยืดหยุ่นของที่นอนยางพาราจะขึ้นอยู่กับปริมาณความเข้มข้นของยางพารา ซึ่งผู้ซื้อต้องตรวจสอบให้ดี เนื่องจากที่นอนประเภทนี้ถ้าเป็นยางพาราแท้ ๆ จะมีราคาสูง ผู้ผลิตหลายรายจึงมักจะนำวัสดุอื่น ๆ เช่น ใยมะพร้าว ฟองน้ำ ยางสังเคราะห์ เข้ามาเป็นส่วนผสมซึ่งคุณสมบัติที่ได้จะไม่ดีเท่าที่นอนยางพารา100%

 

2. ที่นอนสปริง

หากที่นอนยางพาราแพงเกินไป ที่นอนสปริงก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจเนื่องจากมีราคาที่ต่ำกว่า แต่ยังคงให้คุณสมบัติของความยืดหยุ่นและการคืนตัวที่ดีถึงดีกว่าที่นอนยางพารา เพราะสปริงที่อยู่ในที่นอนจะรองรับสรีระได้ดีกว่า เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบนอนตะแคงเพราะสปริงจะยุบตัวลงไปไม่กดทับ จึงไม่ปวดบริเวณไหล่เวลานอน แต่การเลือกซื้อที่นอนสปริงนั้นต้องศึกษาข้อมูลให้ดีเพราะปัจจุบันผู้ผลิตมีการออกแบบที่นอนสปริงหลายรูปแบบ ได้แก่

 

  • สปริงแบบแยกอิสระ Poster Tech ซึ่งทำให้สปริงสามารถรองรับการนอนของเราได้อย่างเต็มที่ แม้เป็นเตียงคู่เมื่อแต่ละคนพลิกตัวหรือเคลื่อนไหวก็ไม่สะเทือนไปรบกวนอีกคนหนึ่ง แต่อาจจะมีการเสียดสีกันระหว่างสปริงด้วยกันเองได้

 

  • สปริงแบบแยกอิสระ Pocket Spring เป็นสปริงอิสระเช่นกันแต่สปริงจะถูกบรรจุอยู่ในช่องที่มีผ้ากันระหว่างกันจึงลดปัญหาสปริงเสียดสีกันเองได้

 

  • สปริงประเภท Bonell Spring ซึ่งเป็นสปริงแบบต่อเนื่อง ทำให้การสะเทือนนั้นแผ่กระจายไปทั้งที่นอน แต่จะไม่เหมาะกับเตียงคู่แม้ว่าจะมีราคาต่ำกว่าที่นอนสปริงแบบอื่น

 

ที่นอนสปริงนั้นมีความคงทนมาก สังเกตได้จากเป็นที่นอนที่โรงแรมชั้นนำต่าง ๆ เลือกนำไปใช้ในห้องพัก แต่ต้องระวังที่นอนราคาถูกมาก ๆ จะเป็นที่นอนที่ภายในเป็นขดลวดแทนสปริง

 

3. ที่นอนฟองน้ำ

ความนุ่มและนิ่มของฟองน้ำคือคุณสมบัติหลัก แต่ที่นอนประเภทนี้จะมีความยืนหยุ่นและการคืนตัวที่ไม่ดีเท่าที่นอนยางพาราและที่นอนสปริง และอายุการใช้งานจะสั้นกว่าที่นอนประเภทอื่น ไม่เหมาะสำหรับคนที่มีอาการปวดหลังเพราะที่นอนจะอ่อนนุ่มและยวบ ไม่มีแรงต้านเพื่อรองรับสรีระมากเท่าที่นอนสปริง แต่ถ้าชอบจริง ๆ ควรเลือกที่มีความหนาสักหน่อย ปัจจุบันผู้ผลิตได้ฟองน้ำให้หนาแน่นขึ้นและคงทนมากขึ้นจากในอดีต

 

4. ที่นอนใยมะพร้าว

ที่นอนประเภทนี้จะผลิตขึ้นมาจากใยมะพร้าวนำมาอัดกันแน่นด้วยกาวขึ้นรูปแบบที่นอน ทำให้ที่นอนมีความแน่นและทึบ ถ้าหากกำลังมองหาที่นอนที่ค่อนข้างแข็ง ไม่อ่อนยวบ ไม่ยุบตัว คุณสามารถพบคุณสมบตินี้ได้ในที่นอนใยมะพร้าว แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าที่นอนประเภทนี้เมื่อเสื่อมคุณภาพแล้วไม่ควรจะฝืนใช้งานต่อไปมากที่สุด การเสื่อมสภาพจะเริ่มจากการเปื่อยยุ่ย ฉีกขาดของผ้าที่หุ้มภายนอก จากนั้นใยมะพร้าวจะเริ่มลุ่ยเป็นขุยเป็นฝุ่นผง อันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ

 

เพื่อการเลือกซื้อ ที่นอนที่ดี อย่างเหมาะสม ควรจะไปเลือกด้วยตนเองดีที่สุด เพื่อทำการทดลองนอนอย่างน้อยสัก 5-10 นาที ซึ่งเราจะได้คำตอบว่าที่นอนนั้นเหมาะสมกับเราหรือไม่ และควรสอบถามพนักงานขายด้วยว่า มีคุณสมบัติป้องกันไรฝุ่น เชื้อรา และแบคทีเรีย ด้วยหรือไม่ เพื่อสุขภาพและความปลอดภัยต่อคุณและครอบครัว

 

วิธีเลือกการที่นอนให้เหมาะกับตัวเรา

 

  1. เลือกขนาดที่นอน (ตามขนาดลำตัว) ที่นอนขนาด Single Size คือที่นอนขนาด 3 ฟุต (กว้าง 105 เซนติเมตร ยาว 198 เซนติเมตร) เหมาะสำหรับคนนอนแค่คนเดียว เนื่องจากความกว้างมีไม่มากพอ สำหรับการนอนสองคน

 

ที่นอนขนาด Queen Size

Queen Size คือที่นอนขนาด 5 ฟุต (กว้าง 150 เซนติเมตร ยาว 198 เซนติเมตร) เหมาะสำหรับการนอน 1-2 คน

 

ที่นอนขนาด King Size 

King Size คือที่นอนขนาด 6 ฟุต (กว้าง 180 เซนติเมตร ยาว 198 เซนติเมตร) สามารถนอนได้ 2-3 คน

 

  1. เลือกที่นอนกับขนาดของห้อง การเลือกขนาดของที่นอนควรเลือกให้สัมพันธ์กับขนาดข้องห้อง เช่น หากคุณอาศัยในคอนโดขนาดเล็ก การเลือกใช้ที่นอนขนาด King Size อาจเป็นการใช้พื้นที่มากเกินไป จนเบียดเบียนเฟอร์นิเจอร์อย่างอื่น เช่น โต๊ะทำงาน, ตู้เสื้อผ้า ถ้าหากอาศัยอยู่คนเดียวหรือมีห้องนอนหลักเพียงห้องเดียวอาจใช้เป็นที่นอน Single Size เพื่อความเหมาะสมกว่า

 

  1. เลือกที่นอนให้เหมาะกับวัย

 

ผู้สูงอายุ ที่นอนสูงอายุ ควรเลือกฟูกที่ค่อนข้างแข็งและหนา โดยความสูงของที่นอนไม่ควรสูงเกินไป ทั้งนี้การเลือกที่นอนสำหรับผู้สูงอายุ ควรเลือกที่นอนที่มีความกว้างมากพอให้พลิกตัวได้ อย่างที่นอนขนาด Queen Size ขึ้นไป

 

เด็กอ่อน ที่นอนที่เหมาะสำหรับเด็กอ่อน ควรเป็นที่นอนเด็กอ่อนโดยเฉพาะ ต้องที่กั้นเพื่อป้องกันเด็กตก แต่ทั้งนี้ที่กั้นไม่ควรมีช่องว่างเนื่องจากมีโอกาสที่ศีรษะของเด็กจะเข้าไปติดในช่องว่างได้

 

  1. เลือกที่นอนจากน้ำหนัก ที่นอนที่ดีไม่ควรนิ่มและแข็งจนเกินไป แต่ควรจะเลือกที่นอนจากน้ำหนักตัวผู้ใช้งาน โดยการเลือกที่นอนจากน้ำหนักสามารถช่วยลดอาการปวดหลังได้ เช่น คนที่มีน้ำหนักมาก รูปร่างใหญ่ จะเหมาะกับที่นอนที่มีความหนาแน่นสูง เพื่อรองรับน้ำหนัก ป้องกันการยุบตัวของที่นอน ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการปวดหลัง

 

  1. เลือกจากค่าความหนาแน่น สำหรับค่าความหนาแน่นของที่นอน (Density) จะเกี่ยวข้องต่อกับการรับน้ำหนักของผู้ใช้ ยิ่งค่าความหนาแน่นมากจะสามารถรับน้ำหนักได้มาก ซึ่งค่าความหนาแน่นจะเริ่มต้นตั้งแต่ 70-110 KG/m3

 

**ข้อแนะนำ**

สำหรับการเลือกใช้ที่นอนของผู้สูงอายุควรมีค่าความหนาแน่น ระหว่าง 100-110 KG/m3 จะสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้

 

  1. เลือกจากการใช้งาน การใช้งานในที่นี้จะให้ความสำคัญที่จำนวนผู้นอน หากบ้านไหนที่นอนด้วยกันหลายคนบนที่นอนอันเดียว ควรหลีกเลี่ยงการใช้ที่นอนแบบสปริง มาใช้ที่นอนยางพาราแทน เพื่อลดการเกิดเสียงเวลาพลิกตัว อันเป็นหนึ่งในสาเหตุที่รบกวนการนอนหลับของคนข้างๆ

 

การเลือกที่นอนที่ดีควรพิจารณาจากความเหมาะสมหลายปัจจัย เช่น น้ำหนักตัว, ขนาดของห้อง จนไปถึงอายุของผู้ใช้งาน นอกจากนี้การเลือกที่นอน ราคาก็เป็นปัจจัยสำคัญ ดังนั้นอย่าลืมตรวจสอบโปรโมชั่นด้วย เพราะที่นอนเป็นหนึ่งในเฟอร์นิเจอร์ที่ลดราคาค่อนข้างบ่อย หากจังหวะดีสามารถประหยัดค่าที่นอนได้เป็นหมื่น

 

แต่ถ้าหากไม่รู้ว่าจะตรวจสอบราคาที่นอนได้จากไหน ได้รวบรวมที่นอนไว้เพียบ ประหยัดทั้งเวลาและค่าเดินทาง คุ้มค่าคุ้มราคา เราพร้อมเป็นตัวช่วยเรื่องแต่งบ้านเปลี่ยนความฝันให้เป็นความจริง 

 

บางคนงบน้อยก็อาจจะซื้อที่นอนในราคาไม่สูงมาก วิธีที่ทำให้เรานอนสบายได้ยังมีอีกวิธี นั่นก็คือ Topper ถือเป็นสิ่งสำคัญที่รองลงมาจากที่นอนเลยก็ว่าได้ Topper สามารถช่วยรองที่นอนและยังทำให้การนอนสบายขึ้นไปอีกขั้น สำหรับคนที่มีงบน้อยอาจมองหาเป็น Topper ดีๆไว้พิจารณาได้ ไปดูกันดีกว่าว่าการเลือกซื้อ Topper ต้องเลือกและดูอะไรบ้าง

 

สิ่งที่ควรรู้ก่อน ซื้อ Topper 

 

  • วัสดุที่ใช้คืออะไร

ท็อปเปอร์ในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่จะทำมาจากน้ำยางพารา ขนสัตว์ ใยสังเคราะห์ หรือไม่ก็ฟองน้ำ ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันไป และคุณต้องเช็กไปด้วยตัวเองชอบหรือเหมาะกับวัสดุแบบไหนมากที่สุด เช่น ถ้าเป็นใยสังเคราะห์หรือฟองน้ำ ก็จะไม่เหมาะกับคนที่แพ้หรือไม่ชอบกลิ่นสารเคมี จึงควรเลือกใช้วัสดุที่เป็นธรรมชาติมากกว่า เช่น ยางพาราหรือขนสัตว์

 

  • ความนุ่มแน่นเป็นยังไง

ถามตัวเองก่อนว่าชอบนอนนุ่มขนาดไหน ถ้าชอบนอนนุ่มสุด ๆ เหมือนจมอยู่ในปุยนุ่น คุณก็อาจใช้เป็นท็อปเปอร์ชนิดใยสังเคราะห์หรือขนสัตว์ น่าจะนอนได้สบายกว่า แต่ถ้าไม่ชอบนอนนุ่มเกินเพราะกลัวปวดหลัง ก็ควรเลือกเป็นท็อปเปอร์แบบฟองน้ำหรือยางพารา ซึ่งจะมีแรงต้านหรือคืนตัวได้มากกว่าและให้สัมผัสนุ่มแน่น

 

  • รองรับสรีระได้ดีหรือเปล่า

อาการปวดหลังเป็นอาการที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน เพราะเราใช้ร่างกายกันหนักขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคุณเองก็คงเคยเจออาการเจ็บป่วยนี้หรืออาจเจอในสักวันหนึ่งได้ ดังนั้นแนะนำให้ไปลองนอนที่ร้านโดยตรงว่า เวลาคุณออกแรงกดหรือนั่งลงไปแรง ๆ ผิวสัมผัสมีการคืนตัวได้ทันทีไหม ถ้าพบว่ากดลงไปแล้วผิวด้านบนค่อย ๆ ฟูขึ้นมา แสดงว่ายังรองรับสรีระได้ไม่ดีพอ และต้องเตรียมใจไว้ว่าอายุการใช้งานของท็อปเปอร์แบบนี้จะค่อนข้างสั้น เพื่อเป็นการป้องกันและลดความเสี่ยงให้มากที่สุด ควรเลือกใช้เป็นท็อปเปอร์ที่มีการการันตีเรื่องการรองรับสรีระ

 

  • ช่วยป้องกันไรฝุ่นด้วยไหม

แค่ออกไปเจอความเสี่ยงทั้งมลพิษและโควิดข้างนอก ร่างกายก็แทบจะไม่ไหวแล้ว อย่าให้ช่วงเวลาพักผ่อนอยู่บ้าน คุณยังต้องมาเจอความเสี่ยงจากสารก่อภูมิแพ้โดยเฉพาะไรฝุ่นบนที่นอน จนกลายเป็นปัญหาด้านระบบทางเดินหายใจเพิ่ม ดังนั้นมองหาท็อปเปอร์ที่มีเทคโนโลยี Nano Zinc Oxide ไว้ตั้งแต่แรก จะช่วยให้อุ่นใจได้เยอะว่าปอดของคุณจะแข็งแรงไปได้อีกนาน

 

  • เคลื่อนย้ายสะดวกแค่ไหน

กลุ่มคนที่เลือกใช้ Topper ที่นอน นอกจากเหตุผลเรื่องไม่อยากเปลี่ยนที่นอนใหม่ ก็คืออยากได้ที่นอนแบบพกพาสะดวก ดังนั้นถ้าเจอท็อปเปอร์ที่หนามากกว่า 2-3 นิ้วขึ้นไป นั่นอาจไม่ใช่ขนาดที่เหมาะกับการหอบหิ้วหรือพกติดรถไว้ได้ และนอกจากพักเก็บง่ายแล้ว เวลากางออกมาใช้ใหม่ต้องยังคงรูปได้ดี ไม่มีเสียทรงไปตามรอยพับ

 

  • ลดแรงสั่นสะเทือนได้ขนาดไหน

ข้อนี้แนะนำเป็นพิเศษสำหรับสายนักเดินทาง เช็กให้ดีว่าท็อปเปอร์ที่กำลังจะซื้อมีคุณสมบัติเรื่องป้องกันแรงสั่นสะเทือนได้มากแค่ไหน เพราะเราเชื่อว่าการเดินทางอย่างยาวนานทำให้คุณล้าไปทั้งตัว ถ้าระหว่างแวะพักนอนแล้วเจอปัญหาคนข้างพลิกตัวที พื้นที่นอนก็ยุบง่ายจนเรานอนหลับไม่สนิทไปด้วย คงอารมณ์เสียน่าดู ถ้าไม่อยากหงุดหงิดเพราะปัญหานี้ มองหาท็อปเปอร์ที่มีเทคโนโลยีดีๆไว้แต่ต้น จะต้องนอนหลับสบายแน่นอน

 

  • นอนนานๆ แล้วจะร้อนหรือเปล่า

เมื่อมีความจำเป็นต้องย้ายที่นอนหรือเดินทางบ่อย การได้เลือก Topper ที่สามารถระบายอากาศไปในตัวไว้ จะช่วยให้คุณไม่ต้องทรมานจากความร้อนสะสมในขณะที่นอน ที่สำคัญคือ ท็อปเปอร์แบบระบายอากาศได้ยังช่วยลดการอับชื้นและกลิ่นเหม็นจากเหงื่อไคล ดังนั้นซื้อ Topper แบบนี้ติดไว้ หมดห่วงเรื่องที่นอนเหม็นอับจนปวดหัวไปได้เยอะ

 

  • ราคากับคุณภาพเหมาะสม

เราเชื่อว่าหลายคนยอมรับได้ หากสินค้ามีราคาสูงแต่คุณภาพอัดแน่น เพราะฉะนั้น เวลาเปรียบเทียบราคาระหว่าง Topper ที่นอนหลาย ๆ แบบ ต้องมองคุณภาพโดยรวมไปด้วยว่าคุ้มค่าสมราคาแค่ไหน เช่น Topper ฟองน้ำบางรุ่นมีราคาสูสีกับ Topper ยางพารา แต่เทียบกันแล้วน้ำยางพาราดีต่อสุขภาพมากกว่าในระยะยาว ก็อาจต้องยอมเสียเงินเพิ่มสักนิด แลกกับการยกระดับที่นอนธรรมดาสู่ห้าดาว

 

เพราะฉะนั้น ก่อนตัดสินใจควักเงินจ่าย ควรตรวจสอบให้ดีว่าท็อปเปอร์นั้นมีมาตรฐานน่าเชื่อถือเพื่อให้คุณมั่นใจได้มากที่สุดว่าการเสียเงินครั้งนี้จะได้ท็อปเปอร์ที่มีความคุ้มค่า นอกจากนั้น ถ้ามีเรื่องสอบถามเพิ่มเติมก็มีทีมงานพร้อมให้คำปรึกษาได้อยู่เสมอ

 

เราเห็นความสำคัญของการนอน การนอนที่ดี ควรหลับสนิทตลอดคืน ที่นอนปีนัง คุณภาพและมาตรฐาน ความเชี่ยวชาญในการผลิต ที่นอนที่ดี  ทำให้เป็นที่ยอมรับในโรงแรมระดับ 4-5 ดาว เพราะที่นอนปีนัง เลือกสรรเฉพาะวัสดุคุณภาพสูงในขั้นตอนการผลิต ที่ได้รับมาตรฐานสากล ผ่านกระบวนการผลิตที่ดีที่สุดในโลก เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยเทคนิคเฉพาะในการประกอบที่นอน ทำให้ที่นอนปีนัง เหมาะสมต่อการนอนหลับพักผ่อน ทั้งยังช่วยส่งเสริมการนอน ทำให้หลับสนิทตลอดคืน โรงงานที่นอน | ท็อปเปอร์ | mattress | topper | เครื่องนอน | โรงงานที่นอน-เครื่องนอนปีนัง ถูกที่สุดในโลก

 

ตู้เหล็ก lucky
ตู้เหล็ก lucky

ตู้เหล็ก lucky

 

ตู้เหล็ก lucky – เหมาะกับพนักงานราชการและสำนักงานเอกชนที่มีเอกสารต้องจัดเก็บในปริมาณมากและเก็บไว้เป็นเวลานาน รวมถึงการเก็บเอกสารไว้อย่างเป็นความลับเพราะตู้ทึบและถูกทำลายได้ยาก ที่สำคัญคือประหยัดต้นทุนเรื่องตู้ไปได้มากกว่าตู้ชนิดอื่น และหากต้องการใช้ในบ้านก็เหมาะกับการเก็บเอกสารสำคัญไว้ในห้องส่วนตัวหรือห้องเก็บของเพราะไม่เหมาะกับการตั้งโชว์

ข้อดี 

  • แข็งแรงทนทานใส่เอกสารหนักๆ น้ำหนักมหาศาลได้อย่างไม่ต้องกลัวว่าจะพัง
  • เก็บเอกสารด้านในได้อย่างมิดชิดเพราะเป็นตู้ทึบ
  • ราคาไม่สูง หาซื้อได้ง่าย
  • รูปแบบการใช้งานของตู้เหมาะกับผู้จัดซื้อหรือผู้ประกอบการที่อยากลดต้นทุนเรื่องตู้เอกสาร

ข้อเสีย

  • ดีไซน์ไม่เหมาะกับการตั้งโชว์
  • เสี่ยงการเกิดสนิม

 

การเลือกซื้อตู้เก็บเอกสาร

 

แม้ว่าความนิยมของการเก็บเอกสารแบบอิเลคทรอนิกส์จะเพิ่มมากขึ้น แต่ในหลาย ๆ สำนักงานก็ยังคงต้องใช้ตู้เก็บเอกสารอยู่ การเลือกซื้อตู้สักใบไม่ใช่แค่เลือกว่าต้องการกี่ลิ้นชัก ซึ่งการพิจารณาเลือกซื้อที่ดีจะมีผลคือแทนที่จะได้ระบบจัดเอกสารที่ดูเรียบร้อย คุณอาจจะยังต้องมีเอกสารกองพะเนินอยู่บนโต๊ะอยู่ดี ปัจจัยที่ควรจะนำมาพิจารณานั้นก็คือพื้นที่ของสำนักงาน ขนาดและชนิดของเอกสารที่จัดเก็บ รวมถึงประสิทธิภาพในการผลิต

 

ชนิดของตู้เอกสาร

 

ตู้เอกสารในปัจจุบันนั้น แบ่งออกได้เป็นสองชนิดด้วยกันคือ ตู้เอกสารแบบแนวตั้ง และตู้เอกสารแบบแนวนอน ตู้เอกสารแบบแนวตั้งเป็นรุ่นดั้งเดิมที่ใช้มาตั้งแต่สมัยแรกๆ มีตั้งแต่ 2-5 ลิ้นชัก ซึ่งมักใช้เก็บเอกสารขนาดจดหมาย หรือ ขนาด Legal ไว้ที่ด้านหน้าของลิ้นชัก ตู้เอกสารอีกชนิดหนึ่งคือ ตู้เอกสารแนวขวาง ซึ่งกว้างกว่าธรรมดามาก ทำให้สามารถเก็บเอกสารจากด้านหน้า หรือเก็บจากข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่งได้ ซึ่งตู้ประเภทนี้ไม่ลึกเท่าตู้เอกสารแนวตั้ง และสามารถที่จะใช้เป็น ฉากกั้น (Partition) ได้ในเวลาเดียวกัน

 

ตู้เอกสารแนวตั้ง โดยมากจะเหมาะกับสำนักงานที่มีพื้นที่กำแพงน้อย ถึงแม้ว่ามันจะเก็บเอกสารได้ไม่มากเท่าตู้แนวขวางแต่ก็กินเนื้อที่น้อยกว่า และลิ้นชักมีความลึก 15-28 นิ้ว โดยประมาณ

 

ตู้เอกสารแนวขวางจะยืดหยุ่นกว่าในเรื่องของการจัดเก็บ เราสามารถเก็บเอกสารขนาด Legal และ Letter ได้ในลิ้นชักเดียวกัน ในขณะที่ตู้แนวตั้งต้องเลือกอันใดอันหนึ่ง ลิ้นชักของตู้ประเภทนี้ก็มักจะใหญ่กว่า และสามารถเก็บเอกสารได้มากกว่าตู้ตั้งมาตรฐานได้ถึง 1/3 เท่า และมีความกว้างโดยเฉลี่ยตั้งแต่ 36 – 42 นิ้ว

 

คุณภาพของตู้เอกสาร

 

ตู้เหล็ก lucky ข้อบ่งชี้อย่างแรกของตู้เอกสารที่มีคุณภาพดีก็คือ ถึงแม้ว่าเราจะวางเอกสารไว้เยอะ น้ำหนักมาก ตัวยึดลิ้นชักจะต้องรับน้ำหนักได้ และเปิด / ปิดได้อย่างไม่ติดขัด

 

จุดเด่นด้านความปลอดภัยก็เป็นอีกเรื่องที่ควรให้ความสนใจ เราควรจะมองหากลไกที่ช่วยป้องกันไม่ให้ลิ้นชักเกยหรือกระทบกันเวลาที่เปิดออกมาหลายตัวพร้อมกัน ตู้ที่มีคุณภาพจะใช้ลิ้นชักที่มีน้ำหนักสมดุลกัน และมีตัวล๊อกด้านในให้เปิดลิ้นชักได้ครั้งละ 1 ตัวเท่านั้น

 

ตู้เอกสารนั้น ยิ่งใช้งานมากเท่าใด ก็จะยิ่งเกิดความเสียหายได้มาก ตู้ที่ใช้วัสดุเหล็กที่มีคุณภาพดี หนา และทนทานจะสามารถต้านทานความเสียหายของตู้เอกสารได้ทั้งภายนอกและภายใน          

ความต้านทานต่อไฟ และแรงกระแทก

 

ได้มีการทดสอบพิเศษเกี่ยวกับการทนไฟและแรงกระแทกโดยห้องทดลองของบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง ซึ่งบอกว่าตู้เอกสารจะสามารถทนไฟที่ประมาณ 1700 degree และที่ความร้อนได้ในอุณหภูมิต่ำกว่า 350 F ภายในหนึ่งชั่วโมง ยิ่งกว่านั้น ตู้บางใบยังสามารถป้องกันได้แม้กระทั่งแผ่นดิสก์และเทป ซึ่งจะต้องเก็บในอุณหภูมิต่ำกว่า 125 degree อีกด้วย

 

ตัวเลือกอื่น ๆ ในการจัดเก็บเอกสาร

หากคุณมีพื้นที่จำกัด แต่มีเอกสารที่ต้องการจัดเก็บมาก คุณอาจใช้ระบบกลไกเพื่อประหยัดพื้นที่ เช่น ตู้เอกสารแบบลูกรอก ซึ่งจะสามารถเก็บเอกสารได้ในประมาณมาก เมื่อต้องการหยิบหรือวางเอกสาร ก็เพียงแต่หมุนลูกรอกหรือแยกมันออกให้เกิดช่องว่าง

อีกทางเลือกหนึ่งคือ ชั้นวางอิสระแบบเปิด ซึ่งเป็นชุดของชั้นวางที่จะวางเรียงข้าง ๆ กันหรือซ้อน ๆ กันก็ได้ ด้วยความที่มันไม่มีอะไรปิด ทำให้เราสามารถหยิบเอกสารได้ง่าย และชั้นวางลักษณะนี้ราคาไม่แพง หากคุณคิดจะขยายเพิ่มทีหลัง

สำหรับการเก็บเครื่องมือหรือเอกสารสำคัญ ตู้เซฟน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะหากซื้อเป็นตู้เก็บเอกสาร คุณจะต้องเพิ่มเงินเพื่อให้มันทนไฟและแรงกระแทก

 

ราคา

ต้นทุนของตู้เอกสารนั้นขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ จำนวนลิ้นชัก รูปทรงและตัวล๊อกลิ้นชัก เช่น ตู้เอกสารสองลิ้นชักจะถูกกว่าตู้เอกสารห้าลิ้นชัก ตู้เอกสารแนวขวางราคาอาจจะแพงกว่าแบบแนวตั้ง ถ้าทนไฟและแรงกระแทกได้ ราคาก็แพงขึ้นอีก

 

เคล็ดลับในการเลือกซื้อ

ซื้อตู้เอกสารที่เข้าชุดกับเฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ ผู้ผลิตส่วนใหญ่จะผลิตตู้เอกสารหลากหลายรูปแบบ สี และ วัสดุ เพื่อให้เข้ากันได้กับเฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ ตรวจสอบความกว้างภายในลิ้นชัก

ตู้เอกสารบางใบอาจจะกว้างกว่าปกติ ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ชอบวางแฟ้มทีละมาก ๆ และควรจะรู้ว่าต้องการลิ้นชักที่จุได้มากที่สุดเท่าใด

 

หลีกเลี่ยงการแขวนแฟ้ม

การแขวนแฟ้มอาจจะทำให้ดูเกะกะ ควรมองหาตู้ที่ด้านข้างของลิ้นชักสูง ไม่มีรางแขวน

ประหยัดเงินด้วยการซื้อตู้เอกสารใช้แล้ว เพราะวัสดุที่ใช้ผลิตตู้เอกสารสมัยก่อนจะมีคุณภาพดี แต่ต้องตรวจสอบเสียงรบกวนหรือรอยขีดข่วนต่าง ๆ

 

บราซิลเลี่ยนแว็กซ์ ฮอลลีวูดแว็กซ์
บราซิลเลี่ยนแว็กซ์ & ฮอลลีวูดแว็กซ์

บราซิลเลี่ยนแว็กซ์ & ฮอลลีวูดแว็กซ์

 

แว็กซ์ (Waxing) เป็นวิธีการกำจัดขนโดยการทาแว็กซ์อุ่นๆ บนผิวหนัง จากนั้นจึงกำจัดขนออกในคราวเดียว จึงทำให้มีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่ก็จะทำให้ขนที่ต้องการกำจัดนั้นออกจากราก ซึ่งจะใช้เวลานานกว่าขนใหม่จะงอกขึ้น และเมื่องอกแล้วก็ยังมอบสัมผัสที่บางเบาอีกด้วย นอกเหนือจากนั้นการแว็กซ์ก็ยังจะผลัดเซลล์ผิวที่ตายหรือเสื่อมสภาพให้กลับมาผิวสัมผัสเรียบเนียนขึ้น ซึ่งการแว็กซ์ มี 2 แบบ คือ บราซิลเลี่ยนแว็กซ์ ฮอลลีวูดแว็กซ์

 

บราซิลเลี่ยนแว็กซ์ Brazilian Wax คืออะไร

เป็นการกำจัดขนในที่ลับบริเวณด้านหน้า ตรงกลาง และด้านหลัง โดยเหลือขนเล็กน้อยบริเวณด้านหน้า ซึ่งสามารถเลือกรูปแบบได้ เช่น สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม หรือหัวใจ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจหรือสร้างความพึงพอใจส่วนตัวให้กับสาวๆ เมื่อต้องสวมชุดว่ายน้ำ 

 

แม้ว่าคนไทยเองอาจไม่คุ้นเคยกับการดูแลตนเองในรูปแบบนี้ แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยเลือกกำจัดขนในที่ลับเป็นประจำด้วยเหตุผลแตกต่างกันออกไป สำหรับมือใหม่หรือคนที่สนใจเกี่ยวกับ Brazilian Wax ข้อมูลด้านล่างนี้อาจช่วยคุณได้ เพื่อประสบการณ์การทำ Brazilian Wax ที่ดี ปลอดภัย และถูกใจ 

 

1.Brazilian Wax 

เป็นการกำจัดแบบดั้งเดิมเป็นการกำจัดขนทั้งหมดใต้ร่มผ้าช่วงล่าง ไม่ว่าจะเป็นขนบริเวณขาหนีบ ก้น และรอบอวัยวะเพศ ซึ่ง Brazilian Wax ยังสามารถแตกออกได้หลายรูปแบบย่อย อย่างการแว็กซ์ขนแค่เพียงส่วนหรือการแว็กซ์ขนให้เป็นรูปทรงต่างๆ ตามความชอบ ในขณะที่ Bikini Wax เป็นการกำจัดขนบริเวณนอกขอบบิกินี่หรือกางเกงชั้นใน ส่วนใหญ่มักจะเป็นบริเวณขาหนีบ 

 

2. Brazilian Wax อาจทำให้เจ็บได้เหมือนกัน

Brazilian Wax ก็เหมือนกับการแว็กซ์ขนรูปแบบอื่นๆ ที่อาจทำให้รู้สึกเจ็บ เพราะเป็นการดึงขนทั้งเส้นออกมาจากรูขุมขน ทำให้รูขุมขนและผิวหนังอักเสบ โดยเฉพาะการแว็กซ์ครั้งแรก อย่างไรก็ตาม การแว็กซ์ขนครั้งต่อไปมักจะเจ็บน้อยลง ซึ่งอาจเกิดจากเส้นขนและรากขนนั้นยังไม่แข็งแรงมาก หรือหากใครรับบริการ Brazilian Wax ตามร้านกำจัดขน พนักงานที่ผ่านการฝึกฝนก็อาจมีเทคนิคที่ช่วยให้เจ็บน้อยลง

 

3. Brazilian Wax อาจทำให้ผิวบอบบางขึ้น

การแว็กซ์ขนทำให้รูขุมขนและผิวหนังเสียหายในช่วงแรกหลังการแว็กซ์ ผิวหนังก็อาจบอบบาง แพ้ง่าย และเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้มากขึ้น ผู้ที่เข้ารับการทำ Brazilian Wax จึงควรรักษาความสะอาดของผิวหนังส่วนที่แว็กซ์เป็นอย่างดี  โดยควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง อย่างแอลกอฮอล์และน้ำหอม หากสาว ๆ คนไหนกำลังมีรอบเดือนหรือใกล้รอบเดือน ควรเลื่อนนัดการทำ Brazilian Wax ออกไปก่อน เพราะผิวหนังส่วนนั้นอาจไวต่อความเจ็บปวดมากกว่าช่วงปกติ

 

4. Brazilian Wax อาจดีกว่าการโกน

แม้ว่าการโกนขนใต้ร่มผ้าด้วยมีดโกนอาจเป็นวิธีที่สะดวก ประหยัด และคุ้นเคยสำหรับคนที่กำจัดขนเป็นประจำ แต่ขนที่สั้นลงจากการโกนมักกลับมายาวขึ้นโดยใช้เวลาไม่นาน ในขณะที่ Brazilian Wax จะช่วยกำจัดรากขนและขนทั้งเส้นในครั้งเดียว ทำให้ไม่ต้องกำจัดขนบ่อย และไม่รบกวนผิวบ่อยเกินไปเมื่อเทียบกับการโกน อีกทั้งมีความเชื่อว่าการแว็กซ์ขนอาจช่วยให้ขนที่เกิดนิ่มลง บางลง ไม่เป็นตอ และกำจัดได้ง่ายขึ้น

 

5. Brazilian Wax มีผลข้างเคียงหรือไม่??

นอกจากอาการเจ็บจากการกำจัดขนแล้ว การทำ Brazilian Wax อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น ผิวหนังระคายเคือง แพ้ง่าย และคันในช่วงที่ขนเกิดใหม่ ซึ่งอาการมักไม่อันตรายและดีขึ้นเองภายใน 24 ชั่วโมง

 

อย่างไรก็ตาม การดูแลตัวเองที่ไม่เหมาะสมหรือสาเหตุบางอย่างอาจทำให้อาการรุนแรงมากขึ้นได้ เช่น เลือดซิบ ขนคุด รูขุมขนอักเสบ เป็นตุ่ม และผิวหนังอักเสบที่อาจดีขึ้นเอง แต่มีส่วนน้อยที่อาการรุนแรงขึ้นหรือไม่หายไป โดยผิวหนังอาจเกิดการติดเชื้อจนเป็นหนอง เป็นแผลพุพอง ผิวบวมแดง กดแล้วเจ็บ ผิวหนังอุ่นก็ควรไปพบแพทย์  

 

การดูแลผิวหลังการทำ Brazilian Wax 

หลังจากการทำ Brazilian Wax ควรเลือกกางเกงชั้นในและกางเกงที่ไม่แน่นจนเกินไป ระบายอากาศได้ดี และทำจากเนื้อนิ่มเพื่อลดการเสียดสี หากรู้สึกเจ็บและมีการอักเสบของผิวสามารถอาจบรรเทาด้วยการประคบเย็น 

 

นอกจากนี้ สามารถทาโลชั่นหรือผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นและลดการอักเสบของผิว เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นฟูได้ดีขึ้น อย่างน้ำมันต้นชา (Tea Tree Oil) และเจลว่านหางจระเข้ หากมีอาการคันจากขนเกิดใหม่ ควรหลีกเลี่ยงการเกาหรือถู เพราะอาจทำให้อาการคันรุนแรงขึ้น เป็นแผล และผิวหนังอักเสบ

 

บราซิลเลี่ยนแว็กซ์ เหมาะกับใคร

Brazilian Wax ทำได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ค่อนข้างปลอดภัยหรือมีผลข้างเคียงเล็กน้อย แต่คนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายอยู่แล้ว กำลังตั้งครรภ์ มีโรคผิวหนัง หรือเคยแพ้ส่วนประกอบในแว็กซ์ ควรหลีกเลี่ยงการกำจัดขนด้วยวิธีนี้ เพราะอาจเสี่ยงต่อผลข้างเคียงรุนแรง 

 

แต่หากต้องการทำ Brazilian Wax ควรปรึกษาแพทย์ถึงความปลอดภัยและความจำเป็น ซึ่งแพทย์สามารถให้คำแนะนำที่ถูกต้อง หรือแนะนำการกำจัดขนแบบอื่นที่ปลอดภัยและเหมาะสมมากกว่า

 

แม้ว่าการทำ Brazilian Wax มีข้อดีมากกว่าการโกน แต่ก็ขึ้นอยู่กับความชอบ งบประมาณ และความถนัดของแต่ละคน ซึ่งการกำจัดขนด้วยการโกนหรือวิธีอื่นก็มีข้อดีและข้อควรระวังที่ต่างออกไป หรือหากรู้สึกว่าการกำจัดขนไม่จำเป็นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะจุดประสงค์ของการกำจัดขนส่วนใหญ่มักเป็นความชอบและความพึงพอใจส่วนตัว

 

สิ่งที่สำคัญมากกว่าการทำ Brazilian Wax และการกำจัดขนรูปแบบอื่น คือ การดูแลร่างกายทุกส่วนให้สะอาดด้วยวิธีที่เหมาะสมอยู่เสมอ เพื่อสุขอนามัยที่ดี

 

สิ่งที่ควรรู้ ก่อนทำบราซิลเลี่ยนแว็กซ์

เชื่อหรือไม่ กระบวนการก่อนทำบราซิลเลี่ยนแว็กซ์ มีความสำคัญพอๆ กับการดูแลหลังทำแว็กซ์ เพื่อให้แน่ใจว่าระหว่างแว็กซ์นั้นจะไม่มีปัญหาและกำจัดขนได้ง่ายที่สุด และนี่คือขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติก่อนทำบราซิลเลี่ยนแว็กซ์

 

  1. ตรวจสอบให้แน่ว่าคุณมีขนยาวเพียงพอ และห้ามเล็มขน ก่อนทำแว็กซ์ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเพื่อนๆ มีความยาวของขนประมาณ 1/8 ถึง 1/4 นิ้ว นี่คือความยาวที่เหมาะที่สุดสำหรับการแว็กซ์ เพราะแว็กซ์จะจับผมได้ดีอย่างมีประสิทธิภาพ และดึงขนออกจากรากโดยไม่ให้เส้นขนขาด ที่สำคัญ อย่าโกนขนโดยเด็ดขาด  เพราะจะทำให้เส้นขนแข็ง และเวลาแว็กซ์จะเจ็บมากๆ 

 

  1. สครับผิวทำความสะอาด เมื่อผิวแห้ง จะทำให้ขนของคุณขาดเมื่อทำการแว็กซ์ เนื่องจากเซลล์ผิวที่ตายได้เกาะกับเส้นขน เพื่อให้การแว็กซ์ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ควรขัดผิวและให้ความชุ่มชื้นก่อนการนัดหมาย 1 วัน เพื่อกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และทำให้แว็กซ์สามารถจับตัวเส้นขนขึ้นมาได้เยอะขึ้น รู้อย่างนี้จะไม่สครับผิวได้ยังไง

 

  1. ทานยาแก้ปวด การทานยาแก้ปวดก็เป็นหนึ่งวิธีที่ดีก่อนทำการแว็กซ์ เพราะจะช่วยลดการอักเสบของผิวหนังและยังช่วยลดอาการปวดต่างๆ ในช่วงระหว่างทำและหลังทำแว็กซ์ แนะนำให้ทานยาแก้ปวดประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนแว็กซ์ หรือทาครีมที่ทำให้ชาก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีที่บรรเทาอาการปวด แต่แนะนำให้หลีกเลี่ยงมอยเจอร์ไรเซอร์ เพราะจะทำให้แว็กซ์ไม่ติดกับขน

 

  1. หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ ข้อนี่น่าจะลำบากสำหรับใครบางคน แต่แนะนำให้หลีกเลี่ยงคาเฟอีนสักสองสามชั่วโมงก่อนการแว็กซ์  เพราะคาเฟอีนสามารถกระตุ้นประสาทมากขึ้นและเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ เลยทำให้ผิวเซนซิทีฟมากยิ่งขึ้นด้วย! ยิ่งถ้าเป็นบริเวณน้องสาว ของเรา ไม่อยากจินตนาการเลยว่าตอนแว็กซ์จะเจ็บขนาดไหน

 

  1. หลีกเลี่ยงการแว็กซ์ช่วงใกล้ประจำเดือน ไม่แนะนำให้แว็กซ์ 5 วันก่อนและ 5 วันหลังจากระยะเวลาของคุณเพราะในช่วงเวลานี้ร่างกายมีความไวต่อความรู้สึกมาก และทำให้เวลาแว็กซ์เจ็บมากกว่าเดิมมาก ดังนั้นแนะนำเพื่อนๆ ควรจองทำแว็กซ์ประมาณ 1 อาทิตย์ก่อนหรือหลังช่วงประจำเดือนมาจะดีกว่า

 

  1. คิดมาจากบ้านเลยว่าอยากแว็กซ์แบบไหน การทำแว็กซ์จริงๆ แล้วมีหลายแบบมากๆ แต่ละแบบ ก็จะแว็กซ์บริเวณที่แตกต่างกัน แต่ถ้าเพื่อนๆ คนไหนกำลังสนใจทำบิกินี่แว็กซ์อยู่ แนะนำให้เพื่อนๆ คิดลวดลายที่จะทำมาจากบ้านได้เลย ไม่ว่าจะเป็นลายสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม หรือ ลายหัวใจ (Valentine wax) พอไปถึงที่แว็กซ์ซาลอนแล้วจะได้บอกคุณพี่พนักงานได้เลย

 

  1. หาร้านแว็กซ์ที่น่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นจากการถามเพื่อนๆ คนอื่นๆ หรือการหาในอินเตอร์เน็ต ว่าร้านนี้มีความเชื่อถือมากแค่ไหน รีวิวดีรึปล่าว เพื่อให้มั่นใจว่าเราทำกับร้านที่มีความเป็นมืออาชีพ ถ้าเพื่อนๆ ยังไม่รู้ว่าจะทำร้านอะไรดี สามารถดูได้ที่ Wax & co.pure skin สาขา อโศก

 

สิ่งที่ควรรู้ ระหว่างทำบราซิลเลี่ยนแว็กซ์

 

  1. หายใจเข้าลึกๆ และทำใจสบายๆ ปล่อยใจสบายๆ เพราะถ้าเพื่อนๆ เพราะถ้าเพื่อนๆ อย่าไปโฟกัสเวลาตอนแว็กซ์หรือกลัว จะทำให้เพื่อนๆ รู้สึกเจ็บมากยิ่งขึ้น สามารถเล่นโทรศัพท์ได้ หรือเชคเฟส เชคไอจีไปพลางๆ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ หรือจะชวนพี่ๆ พนักงานคุยก็ได้  เพื่อให้เรารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ทำกับผู้เชี่ยวชาญ อาจได้ความรู้และวิธีการดูแลหลังการแว็กซ์ด้วยนะ โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ

 

  1. อาจจะต้องมีขยับเปลี่ยนท่ากันบ้าง เพื่อที่จะได้ผลลัพท์ที่ดีที่สุด ให้ได้ผิวที่เรียบเนียนเกลี้ยงเกลาไร้ขนจริงๆ บางทีคุณพี่พนักงานที่ทำแว็กซ์ อาจจะขอให้เพื่อนๆ ช่วยขยับท่าทางนิดๆ หน่อยๆ เพื่อกำจัดเส้นขนที่ยังหลงเหลืออยู่ให้หมด ดังนั้นขอให้เพื่อนๆ ทำใจมาก่อนนิดนึงว่าอาจจะมีท่ายากนิดๆ ที่ทางพี่พนักงานแว็กซ์ขอให้เพื่อนทำ ท่องเอาไว้  ว่าเพื่อผลลัพท์ที่ดี

 

สิ่งที่ควรรู้ หลังทำบราซิลเลี่ยนแว็กซ์

 

  1. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือเข้าฟิตเนต หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายโดยตรงหลังการแว็กซ์ หรือสวมเสื้อผ้าที่มีเหงื่อออกในวันเดียวกัน เพราะผิวของคุณยังเปราะบางหลังจากแว็กซ์ เมื่อออกกำลังกายยิ่งทำให้เกิดการเสียดสีและระคายเคืองมากกว่าเดิม แถมรูขุมขนยังคงเปิดกว้าง ความอับชื้นจากเหงื่อยังทำให้เกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียอีกด้วย แนะนำให้ปล่อยสบายๆ สัก 2-3 วันหลังแว็กซ์

 

  1. หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าที่รัดรูป หลังจากที่แว็กซ์เสร็จใหม่ๆ การสวมใส่เสื้อผ้าหลวมๆ เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผิวหนังของรู้สึกสบายๆ ลดการอับชื้น และการเสียดสีด้วย

 

  1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่แว็กซ์ อย่าเพิ่งไปสัมผัสบริเวณที่แว็กซ์ เพราะการสัมผัสบ่อยๆ อาจจะทำให้เกิดขนคุด ระคายเคืองได้ และสามารถเกิดการสะสมของแบคทีเรียที่อยู่ในมือของคุณ เพราะฉะนั้น ไม่สัมผัสดีกว่า รวมไปถึงกิจกรรมบนเตียงด้วย อิอิ

 

  1. หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อน สระว่ายน้ำ หรือน้ำทะเล  หลังแว็กซ์มาสดๆ ใหม่ๆ สาวๆ คงอยากจะใส่ชุดว่ายน้ำแล้วไปทะเลเลย! แต่ความจริงแล้ว คลอรีนในสระน้ำ การแช่อ่างจากุซซี่ ซาวน่า หรือน้ำทะเล เป็นตัวทำให้ผิวอักเสบและระคายเคือง และยิ่งไม่ต้องพูดถึงความสะอาด ดังนั้นถ้าเพื่อนๆ กำลังวางแผนจะไปทะเล ควรจองแว็กซ์ล่วงหน้าก่อนวันไปสัก 2-3 วัน พอแว็กซ์เสร็จจะได้พอมีเวลาให้พักผิว

 

  1. อย่าลืมสครับผิว  การสครับผิวนี่แหละ ที่เป็นเคล็ดลับที่ดีที่สุดของการป้องการเกิดขนคุด แต่เพื่อนๆ อย่าพึ่งสครับทันทีหลังแว็กซ์  เพราะจะทำให้ผิวแดงมากกว่าเดิม และเกิดการอักเสบได้! ทางที่ดีประมาณ 1-2 วันหลังการแว็กซ์ เพื่อนๆ สามารถสครับผิวบริเวณที่แว็กซ์ได้ทุกวัน เพราะการสครับผิวนี่แหละจะเป็นการช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายไปแล้ว ทำความสะอาดสิ่งสกปรก และทำให้ขนที่งอกขึ้นมาใหม่ไม่เป็นขนคุดอีกด้วย

 

  1. แว็กซ์เป็นประจำทุกๆ 4 สัปดาห์  การแว็กซ์เป็นประจำทุกๆ 4 สัปดาห์คือช่วงที่ดีที่สุด เพราะเมื่อคุณแว็กซ์เร็วเกินไปหรือช้าไป ขนจะไวต่อการขาดใต้ผิวหนังได้มากขึ้น และจะก่อให้เกิดขนคุดได้ แนะนำทุกๆ 4 สัปดาห์

 

ไอเดียรูปทรง บราซิลเลี่ยนแว็กซ์

 

  1. ทรง Landing Strip รูปทรงของขนน้องสาวนั้นขึ้นอยู่กับคุณ  แต่ทรง Landing Strip ถือว่าเป็นทรงคลาสสิคทรงนึงก็ว่าได้ ถ้าคุณต้องการให้น้องสาวเรียบร้อย สะอาด โดยที่ไม่รู้สึกเปลือยจนเกินไป ทรงแถบคือคำตอบของคุณ

 

  1. ทรง Bermuda Triangle รูปทรงหน้าตาจะเป็นสามเหลี่ยมกลับหัวลง ด้านบนจะเลี้ยงไว้มากหน่อย ทรงนี้เหมาะกับสาวๆ ที่ชอบไปทะเล เพื่อเสริมความมั่นใจเมื่อใส่ชุดบิกินี่ เหมาะมากๆ สำหรับบิกินี่ ชุดชั้นในแบบเอวต่ำ และเว้าโคนขาสูง
  2. ทรง Desert Island ถ้าคุณไม่ต้องการที่จะเอาขนน้องสาวออกจนหมดเกลี้ยง ทรง Desert Island ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดี โดยทรงนี้จะเหลือสามเหลี่ยมเล็กๆ ไว้ โดยสามเหลี่ยมนั้นจะเล็กกว่าทรง Bermuda Triangle สไตล์นี้มักจะจับคู่กับแว็กซ์บราซิลมากที่สุด
  3. ทรง Love Heart ถ้าคุณเป็นคนโรแมนติก หรืออยากเพิ่มความโรแมนติค ทรงนี้เหมาะกับคุณแน่นอน โดยทรงต้องเป็นหัวใจแน่นอน อยากได้ขนาดหัวใจเล็กหรือใหญ่ อยู่ที่ความต้องการของคุณเลย แต่ทรงนี้อาจทำให้เกิดขนคุดได้ เพราะการทำทรงนี้ บางครั้งต้องแว็กซ์ไปในทิศทางตรงกันข้ามกับการเติบโตของขน

 

ฮอลลีวูดแว็กซ์ คืออะไร

 

มาถึงการแว็กซ์บิกินี่แบบสุดท้ายแล้ว นั่นก็คือ Hollywood Wax หรือ ฮอลลิวูดแว็กซ์ นั่นเอง! จากการไต่ลำดับมา สาวๆ น่าจะเดาได้ ว่าฮอลลิวูดแว็กซ์ เป็นการแว็กซ์ที่กำจัดขนที่ลับอย่างหมดจด! ทั้ง หน้า กลาง หลัง! ครบทั้ง V.I.O ไม่เหลือขนน้องจุ๋มจิ๋มแม้แต่เส้นเดียว

เหมาะสำหรับ : สาวๆ ที่ต้องการแว็กซ์ขนให้หมดทุกเส้น ยันเส้นสุดท้าย! แต่ไม่เหมาะสำหรับสาวๆ ที่เริ่มแว็กซ์ครั้งแรก  เพราะจะได้เจ็บซี้ดจนร้องไห้แน่นอน

 

เพื่อนๆ อาจจะรู้สึกว่า เอ้ะ! ถ้าเราไม่ได้จะใส่ชุดว่ายน้ำเซ็กซี่ไปเที่ยวที่ไหน อย่างงี้เราก็ไม่ต้องทำบีกีนี่แว็กซ์ก็ได้นี่นา แต่สาวๆ รู้ไหมคะว่า บริเวณจุดซ่อนเร้นของเรานั้น ถ้าปล่อยให้รุงรัง ไม่ดูแลรักษาให้ดี อาจเกิดการหมักหมมและเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรียได้ ดังนั้นสาวๆ ควรทำความสะอาดบริเวณน้องสาวอย่างเดียวไม่พอ ควรหมั่นกำจัดขนบริเวณนั้นออกบ้างไม่มากก็น้อย

 

ฮอลลีวูด แว็กซ์ (Hollywood Wax) นี้ ดาราฮอลลีวูดเค้าฮิตกัน  (มิน่าถึงตั้งชื่อนี้) ส่วนคำจำกัดความสั้นๆ ของมันคือ “เนียนใส ไร้ขน” รับรองว่าเป็นที่ถูกใจนัก สำหรับผู้ชื่นชอบความเกลี้ยงเกลา ดูราวกับ ย้อนวัยไปเป็นเด็กอีกสักรอบ

 

ฮอลลีวูด แว็กซ์ (Hollywood Wax) เขากำจัดขนทั้งด้านหน้าและด้านหลังออกจนเรียบ ไม่เหลือไว้สักกระจุก จึงให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง แถมดูแลความสะอาดได้ง่ายอีกด้วยคุณสมบัติเด่นหลายข้ออย่างนี้เอง ถึงกลายเป็นทรงฮิตอันดับหนึ่งไปเลย

 

ฮอลลีวูด แว็กซ์ (Hollywood Wax)

ได้ชื่อมาจากความนิยมของดาราสาวฮอลลีวู้ด ที่นิยมแวกซ์ขนน้องสาวให้เกลี้ยงเกลาเหมือนเด็กทารก หรือมีชื่อเรียกอีกแบบหนึ่งว่า Sphinx Waxing เพราะได้มาจากชื่อแมวพันธ์ Sphinx แมวพันธ์ไร้ขน ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในแคนาดา

 

ผู้หญิงที่นิยมมาแวกซ์ โดยเฉพาะ แวกซ์แบบ Hollywood wax นั้น ส่วนใหญ่จะมีอายุตั้งแต่ 17 ปี จนถึง 50 ปี แม้แต่คนท้องใกล้คลอดก็มาแวกซ์ ซึ่งเป็นความชอบส่วนตัว และทำความสะอาดง่าย เวลามีประจำเดือนก็ไม่รู้สึกสกปรก ไม่อับ บางคนอาจจะรู้สึกเขินอายในตอนแรก แต่พอได้ ลองทำแล้วจะรู้สึกเป็นเรื่องธรรมดา และกล้าที่จะมาทำในครั้งต่อๆไป

 

คุณลูกค้ามั่นใจได้ในบริการของเรา Wax & co.pure skin เพราะเราคือร้านแว็กซ์ขนบิกินี่ ฮอลลีวูดแว็กซ์ บราซิลเลี่ยนแว็กซ์ แว๊กขนที่ลับมืออาชีพ มีบริการแว๊กซ์กำจัดขน บริการแว็กซ์ขน แว๊กขน กำจัดขน Wax & co.pure skin เราเชี่ยวชาญวิธีแว๊กขน บราซิลเลี่ยนแว็กซ์ ฮอลลีวูดแว็กซ์ พร้อมบริการแบบครบวงจร

 

ฮอลลีวูดแว็กซ์ เหมาะกับใคร

 

แว็กซ์กำจัดขนเอาออกให้หมดเลยนะนั่นเอง ไม่ต้องคิดมากว่าจะแต่งทรงอะไร เพราะอยากที่จะเอาออกหมดเลยมากกว่า แค่เบื่อก็ไว้ยาวใหม่มาจัดทรงรอบหน้าได้สบายมาก ขนไม่เหลือไม่ต้องต้องกังวลใดๆ เข้าหมดทุกชุดแน่นอน 

 

ไม่ใช่แค่เพียง ผู้หญิงที่ทำ พบว่าผู้ชายก็มีความสนใจในการทำเหมือนกัน ย้ำกว่า ผู้ชายจริงๆ นะ เดาเหตุผลที่ทำกันว่า เพราะ ผู้ชายต้องการใส่ บีกินี่ ให้สวยงามเช่น ผู้หญิง เหมือนกัน

 

สิ่งที่ควรรู้ ก่อนทำ ฮอลลีวูด แว็กซ์ (Hollywood Wax)

 

1.ควรไว้ขนให้ยาวประมาณ 2 ซม.ขึ้นไป  (เคสของแป้งคือน้องเพิ่งขึ้น ยาวไม่ถึง 0.75 ซม.ไม่พอจับตัวกับแว็กซ์ จึงทำให้แว็กซ์ออกมาได้ไม่เนียน) 

 

2.ไม่ควรโกนหรือกำจัดขนโดยวิธีอื่นๆมาก่อนช่วงใกล้ถึงวันนัดหมาย 

 

3.แพลนวันนัดก่อนช่วงเป็นประจำเดือนอย่างน้อย 3-7 วัน 

 

4.แนะนำให้ใส่ชุด/ชุดชั้นใน ที่สบายๆ ไม่รัด ไม่ฟิต เพื่อความสบายผิวหลังแว็กซ์น้า 

 

 

สิ่งที่ควรรู้ หลังทำฮอลลีวูด แว็กซ์ (Hollywood Wax)

 

1.งดมีเพศสัมพันธ์ 1 วัน

2.งดการเสียดสี ไม่ใส่ชุดรัดๆ เช่นชุดออกกำลังกาย 2 วัน

3.งดใช้สบู่ล้างน้องทุกชนิด เพราะจะทำให้น้องระคายเคืองได้  ให้ล้างด้วยน้ำเปล่าก่อนประมาณ 2 วัน 

4.งดออกกำลังกาย 

5.หลังจากทำ 3 วันขึ้นไปแล้ว สามารถลงสระน้ำ ลงทะเลหรือเข้าซาวน่าได้ 

 

การดูแลเมื่อขนขึ้น

1.ช่วงขนกำลังจะขึ้นใหม่ (ประมาณ 1 อาทิตย์ขึ้นไป) ให้สครับวนย้อนรูขุมขนเบาๆ 

2.หลังอาบน้ำ ให้ทาโลชั่นบำรุงผิวบริเวณเนินน้อง จะช่วยให้น้องนุ่มชุ่มชื้น ไม่มีปัญหาขนคุด 

 

บราซิลเลี่ยนแว็กซ์ และ ฮอลลีวูดแว็กซ์ ต่างกันอย่างไร

แว็กซ์ฮอลลีวูด (Hollywood Wax) และแว็กซ์บราซิลเลี่ยน (Brazilian Wax) ถึงแม้ว่า 2 บริการนี้จะดูคล้ายกันแต่ก็มีจุดที่แตกต่างกัน นั่นก็คือ บราซิลเลี่ยน จะมีทรง Landing Strip  ทรง Bermuda Triangle   Desert Island  ทรง Love Heart แต่ ฮอลลีวูด จะเป็นการเอาขนออกให้หมดนั่นเอง

 

สรุปแล้วแว็กซ์ทั้ง 2 นี้ก็ถือเป็นบริการแว็กซ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ก็ยังมีสไตล์และความแตกต่างอย่างชัดเจนเช่นกัน ซึ่งการตัดสินใจเลือกแว็กซ์รูปแบบใดก็ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบส่วนบุคคลหรือความต้องการของรูปลักษณ์ที่คุณจะมั่นใจมากยิ่งขึ้น

 

วิธีการเลือกชั้นวางสินค้า rack ให้เหมาะกับการใช้งาน

วิธีการเลือกชั้นวางสินค้า rack ให้เหมาะกับการใช้งาน

 

ชั้นวางสินค้า rack ชั้นวางสินค้าแบบไหนก็เหมือนๆกัน ถือเป็นความเชื่อผิดๆ ที่หลายคนคิด จริงๆแล้วชั้นวางของมีหลากหลายประเภท ทั้งขนาด รูปร่าง การรองรับน้ำหนักต่างๆ วันนี้ทาง rack-need มีความรู้เรื่องชั้นวาง rack คืออะไร ??  และวิธีการเลือก ชั้นวางสินค้า rack มาฝากกันค่ะ

 

ชั้นวางของ Rack คือ ชั้นวางสำหรับสต็อกสินค้า ที่มีความแข็งแรงทนทาน สามารถรองรับน้ำหนักได้มาก ส่วนใหญ่จะใช้ในคลังสินค้า, โกดัง, ใช้เป็นชั้นวางของหนัก หรือชั้นเก็บของ

 

วิธีการเลือกชั้นวางสินค้า rack

 

  • เริ่มต้นทำความรู้จักชั้นวางสินค้าแบบต่างๆ การที่คุณทำความรู้จักชั้นวางประเภทต่างๆ จะทำให้คุณรู้ว่าควรลงทุนในชั้นวางแบบไหน ที่จะตอบโจทย์ร้านค้าของคุณมากที่สุด

 

  • เลือกขนาดชั้นวางสินค้าที่ใช่ การเลือกขนาดเชลฟ์ที่พอดี และเหมาะสมกับร้านค้าของคุณ คุณจะต้องรู้ขนาดพื้นที่ของร้านแบบละเอียด จะช่วยให้คุณสามารถออกแบบการจัดวางร้าน และใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด

 

  • การรับน้ำหนักของชั้นวางสินค้า ทำการศึกษาการรองรับน้ำหนักของชั้นวาง ว่าสินค้าของเราต้องใช้ชั้นวางรูปแบบไหน ถึงเหมาะสม และเพื่อป้องกันการใช้งานที่ผิดจุดประสงค์ ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

 

  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านชั้นวางสินค้า ที่สามารถวางแผน จัดการปัญหาทุกอย่างได้ และมีบริการหลังการขายที่ดี พร้อมช่วยเหลือคุณ ทาง rack-need มีรูปสินค้าให้เลือกหลากหลายแบบ

 

เลือกซื้อ ชั้นวางสินค้า rack-need ดีกว่าอย่างไร??

 

  • มีประเภทชั้นวางสินค้าให้เลือกเยอะ แบบครบครัน หลากสี หลายขนาด ใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

  • ชั้นวางของผลิตจากเหล็กคุณภาพสูง พร้อมเคลือบผิวเพื่อป้องกันการเกิดสนิม ใช้งานได้ทนทาน ยาวนาน รับน้ำหนักสูงสุด 200 กิโลกรัม

 

  • มีสต๊อกสินค้าเยอะ มีชั้นวางขายของจำนวนมาก มั่นใจได้เลยว่าสั่งชั้นวางขายของเข้ามาตอนไหนก็มีพร้อมให้ตลอด

 

  • มีบริการเก็บเงินปลายทาง พร้อมบริการส่งฟรี ทั่วประเทศไทย ตรวจสอบคุณภาพสินค้าก่อนชำระเงินได้เลย

 

  • มีรีวิวการใช้งาน Rack วางของจากลูกค้าที่ซื้อและใช้งานจริง ทั้งการใช้ในที่อยู่อาศัย ร้านค้า ออฟฟิศ โกดัง

 

  • ราคาถูกสุด คุ้มค่าด้วยการเป็น ชั้นเหล็ก ราคาโรงงาน คุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ถูกที่สุดในประเทศไทย

 

  • มีโปรโมชั่นสุดพิเศษ คอยอัพเดตให้กับลูกค้าอยู่เสมอ คอยเช็คกันไว้เลย ของดีราคาถูกมีอยู่จริงที่ rack-need

 

rack-need คัดสรรเฉพาะ ชั้นวางสินค้า | ขั้นวางขายของ | ชั้นเหล็ก  | Rack วางของ | ชั้นวางของชำ ที่มีคุณภาพดีมาจัดเก็บเอาไว้ในสต๊อกเท่านั้น พร้อมจัดจำหน่ายในราคาโรงงาน ต่ำกว่าท้องตลาดทั่วไป ใช้งานได้ยาวนาน มีบริการส่งฟรี พร้อมจัดเก็บเงินปลายทาง การันตีจากผู้ใช้งานจริง

 

หากท่านสนใจสามารถติดต่อตามช่องทางของเราเพื่อพูดคุย ขอข้อมูลเพิ่มเติมจากพนักงานได้ทันที ยินดีอย่างยิ่งที่คิดถึงสินค้าของ rack-need ชั้นวางสินค้า , ชั้นวางขายของ Rack , ชั้นวางของชำ ราคาถูก มาตรฐานสากล

 

หากต้องการชั้นวางสินค้า | ชั้นวางขายของ | ชั้นเหล็ก Rack | วางขายของ หรือ ชั้นวางของชำ คลิกเข้ามาที่นี่ rack-need เรามีสินค้าคุณภาพดีพร้อมส่งต่อความคุ้มค่าให้กับลูกค้าทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นการนำไปใช้ตั้งวางสิ่งของต่างๆ ภายในบ้าน ที่อยู่อาศัย หรือใช้เพื่อวางสินค้าสำหรับขายออนไลน์ ขายในตลาดนัด วางของในออฟฟิศ โกดัง โรงงาน และประโยชน์อีกหลากหลาย เราคัดสรรสิ่งดีที่สุดเท่านั้น พิเศษ!!! ด้วยบริการเก็บเงินปลายทาง เพิ่มความมั่นใจ ส่งถึงมือ 100%

 

ชั้นวางสินค้า ชั้นเหล็ก ของ rack-need มีหลายขนาด 

 

  • ลูกค้าสามารถสอบถาม สี และขนาดได้ 
  • สอบถามสต๊อกสินค้าได้
  • สินค้าพร้อมส่ง ฟรี ทั่วประเทศ มีบริการเก็บเงินปลายทาง ฟรี

 

สินค้าแนะนำของ rack-need

 

rack-need มีสินค้าในกลุ่มชั้นวางสินค้า Rack วางของ ชั้นเหล็ก ชั้นวางของชำหลากประเภท หลายสไตล์ให้ลูกค้าได้เลือกสรรตามความชอบและการใช้งานของตนเอง เช่น สีเทา สีดำ สีขาว สีน้ำเงิน สีแดงตัดน้ำเงิน หรือถ้าต้องการสีและขนาดใดเพิ่มเติมสามารถสอบถามข้อมูลได้จากพนักงานของเราทันที มากไปกว่านั้นยังสามารถเช็กสต๊อกสินค้าภายในเวลาอันรวดเร็ว พร้อมส่งถึงมือทันทีเมื่อมีออเดอร์เข้ามา

 

ชั้นวางสินค้า มินิมาร์ท 1 ด้าน 1 ช่อง : 90x35x150 CM 1,690.00 บาท

 

 

ชั้นวางสินค้า มินิมาร์ท 1 ด้าน 2 ช่อง : 180x35x150 CM  3,090.00 บาท

 

 

ชั้นวางสินค้า มินิมาร์ท 2 ด้าน 1 ช่อง : 90x75x150 CM  2,690.00 บาท

 

 

ชั้นวางสินค้า มินิมาร์ท แบบ 2 ด้าน 2 ช่อง 180x75x150 CM  5,090.00 บาท

 

 

ชั้นวางสินค้า 200x60x200m สีดำแดง  2,990.00 บาท

 

 

ชั้นวางสินค้า 200x60x200m สีขาว  2,990.00 บาท

 

 

ชั้นวางสินค้า 200x60x200m สีเหลืองดำ 2,990.00 บาท

 

 

ชั้นวางสินค้า 200x60x200m สีเทาเข้ม สำเนา 2,990.00 บาท

 

 

ชั้นวางสินค้า 200x60x200m สีดำ 2,990.00 บาท

 

 

ชั้นวางสินค้า 150x60x200m สีดำ 2,790.00 บาท

 

 

ชั้นวางสินค้า 150x60x200m สีน้ำเงิน แดง 2,790.00 บาท

 

 

ชั้นวางสินค้า 150x60x200m สีน้ำเงิน 2,790.00 บาท

 

สต๊อกสินค้าของ  rack-need มีโกดังสำหรับจัดเก็บชั้นวางขายของโดยเฉพาะ มีความมิดชิด พร้อมการตรวจสอบสภาพก่อนส่งให้กับลูกค้าทุกครั้ง จึงกล้าการันตีในคุณภาพ ท่านจะได้รับของดีทุกชิ้นพร้อมการรับประกันสินค้า จัดส่งโดยบริษัทขนส่งที่เราไว้วางใจ ไม่ต้องกังวลในเรื่องใดทั้งสิ้น ชั้นวางสินค้า | ชั้นเหล็ก rack | ขาย ชั้นวางสินค้า | ชั้นเหล็ก rack | วางสินค้า rack วางของ ราคาถูก สุดในไทย พร้อมส่ง มีเก็บเงินปลายทาง 

 

มีรีวิวการใช้งาน ชั้นวางสินค้า ชั้นเหล็ก Rack จากลูกค้า

  • สามารถขอรีวิวเพิ่มเติมได้ จาก page FB จากรีวิว rack วางสินค้า รับน้ำหนักได้มาก ชั้นละ 200kg

 

ช่องทางติดต่อ ทางเพจ facebook

หรือ โทรเลย 062 852 0500

 

ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชา BiaBa

ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชา BiaBa

 

 

BiaBa กัญชาเป็นพืชในพื้นที่ที่มีภูมิอากาศอบอุ่น เช่น เอเชีย, อเมริกาใต้ และตะวันออกกลาง ในประวัติศาสตร์มี รายงานการใช้ประโยชน์จากกัญชายาวนานกว่าสี่พันปี เช่น ใช้เป็นอาหารคนหรือสัตว์ ใช้เป็นสิ่งเสพติดเพื่อการผ่อน คลาย และใช้ทำอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เชือก หรือเสื้อผ้า รวมถึงใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์

 

ทาง BiaBa มีกัญชาหลากหลายสายพันธุ์ให้เลือก และมีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชา ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันกัญชา weed นานาพันธุ์ ให้เลือก ผ่านการคัดกรองอย่างมีคุณภาพสดจากฟาร์ม วันนี้ทาง BiaBa จะแนะนำสายพันธุ์กัญชาไทยที่ได้ผ่านการรับรองในไทยให้กับทุกคนได้รู้จัก และรู้ถึงลักษณะของต้นกัญชาแต่ละพันธุ์ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร

 

กัญชาพันธุ์ไทย ถือเป็น พันธุ์หายากและพบได้มากบริเวณเทือกเขาภูพาน จังหวัดสกลนคร และบริเวณเทือกเขาตะนาวศรี คาดว่ากัญชาพันธุ์ที่พบในประเทศไทยน่าจะถูกนำมาจากทางจีนตอนใต้ และมีการนำไปแยกปลูกในต่างพื้นที่ทำให้มีความหลากหลายทั้งลักษณะสัณฐานวิทยา และปริมาณสารสำคัญที่ได้ โดยแต่ละพันธุ์มีลักษณะพิเศษ ซึ่งมีสายพันธุ์ดังต่อไปนี้

 

สายพันธุ์กัญชาที่จดทะเบียนรับรองในไทย ได้แก่

 

1. พันธุ์ตะนาวศรีก้านขาว

มีลักษณะของช่อดอกจำนวนมาก แน่นเป็นกระจุกบริเวณปลายกิ่ง ลำต้นเป็นทรงพุ่ม มีกลิ่นหอมคล้ายเปลือกส้มผสมตะไคร้

2. พันธุ์ตะนาวศรีก้านแดง

มีลักษณะของช่อดอกที่คล้ายกับพันธุ์ตะนาวศรีก้านขาว แต่จะต่างกันคือมีสีแดงที่กิ่ง ก้าน และใบ ไม่มีกลิ่นฉุน มีกลิ่นหอมคล้ายผลไม้สุก

3. พันธุ์หางเสือ

มีลักษณะของช่อดอกยาวคล้ายหางเสือตามชื่อ กลิ่นหอมคล้ายเปลือกส้ม และฉุนเล็กน้อย

4. พันธุ์หางกระรอก

สายพันธุ์นี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ ไทยสติ๊ก ได้ชื่อว่าเป็นสายพันธุ์ที่ดีที่สุดในโลก เพราะมี สาร THC ที่สูงมาก ประมาณ 20%

 

และทั้งหมดนี้ก็คือสายพันธุ์กัญชาในไทยที่จดทะเบียนรับรองเรียบร้อยแล้ว ทุกส่วนของกัญชาเป็นที่รู้กันว่านำมาสกัดเป็นยารักษาโรคได้ ไม่ว่าจะเป็น  ลำต้น ใบ เมล็ด อย่างไรก็ตามมีข้อสำคัญที่ต้องคำนึง คือ การใช้งาน ต้องปฎิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ใช้เองโดยพละการ มีผู้ดูแลใกล้ชิด และไม่อยู่ระหว่างขับรถหรือทำงานกับเครื่องจักร ทำงานในที่สูง หากพบอาการผิดปกติดังต่อไปนี้ให้รีบพบแพทย์

 

  • หัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะ เจ็บหน้าอก เหงื่อแตก ตัวสั่น
  • หายใจไม่สะดวก อึดอัด
  • เดินเซ พูดไม่ชัด หูแว่ว เห็นภาพหลอน พูดคนเดียว

 

กลุ่มคนที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเกี่ยวกับการใช้กัญชา ได้แก่

 

  • หญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร
  • ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า โรคจิตเภท
  • ผู้ที่อยู่ระหว่างรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด
  • ผู้ป่วยโรคตับ โรคไตขั้นรุนแรง
  • มีประวัติแพ้สารสกัดกัญชา

 

การเตรียมสารสกัดที่มีปริมาณสารสำคัญสูง และควบคุมคุณภาพสารสกัดให้ได้มาตรฐานสากล รวมถึงด้านพิษวิทยาของ “กัญชา” ทั้งในหลอดทดลองและสัตว์ทดลอง เพื่อเป็นข้อมูลส่งเสริมการใช้ “กัญชา” และประเมินความปลอดภัยของ “กัญชา” เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพจากสารสกัด “กัญชา”

 

BiaBa (เบียบ้า) dispensary chiang mai

092 914 7272